Inside Dara
'ใบเฟิร์น' มุ่งงานและเรียน มองไกลวางแผนเพื่อครอบครัว

เป็นเพราะต้องรับผิดชอบเรื่องการเรียนอย่างหนัก เลยทำให้นางเอกสาวหน้าใส ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ห่างหายไปจากงานละครพักใหญ่ทีเดียว ล่าสุดแฟน ๆ ก็ได้หายคิดถึงกับผลงานล่าสุดอย่าง “ลูกไม้หลากสี” วันนี้เลยขอตามสาวใบเฟิร์น ไปพูดคุยถึงเรื่องงาน รวมไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเธอกันที่บ้านหลังใหม่ย่านวัชรพล

ถามถึงบ้านหลังนี้ ได้ข่าวว่าเพิ่งซื้อใหม่เลย?

“บ้านหลังนี้เพิ่งซื้อได้ไม่กี่เดือนเลยค่ะ เป็นน้ำพักน้ำแรงของเฟิร์นส่วนหนึ่งและคุณพ่อคุณแม่ด้วย เราก็ดีใจและภูมิใจ บางทีกลับมาบ้านเห็นสนามกว้าง ๆ เห็นพ่อกับแม่นั่งด้วยกัน มีความสุขกับหมากับน้อง บางทีก็ปิ้งบาร์บีคิวกินกัน มีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ถึงแม้มันจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนไปว่ายสโมสรข้างนอก แต่มันคือครอบครัวของเราจริง ๆ พอเราเห็นทุกคนมีแต่รอยยิ้มมีแต่ความสุข มันก็ทำให้เราอยากตั้งใจทำงาน อยากมีเงินเยอะ ๆ ให้พ่อกับแม่สบาย ล่าสุดที่บ้านเฟิร์นเพิ่งไปซื้อโครงการคอมมูนิตี้ มอลล์ ไว้ 2 คูหา คิดว่าอีกหน่อยจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่ง เป็นร้านอาหารหรือไม่ก็ร้านกาแฟ กว่าจะเสร็จคงมีเวลาคิด มีเวลาศึกษา เพราะคุณแม่เฟิร์นรับราชการอีก 2 ปีจะออกแล้ว จะได้มีอะไรรองรับ ให้ท่านไม่เหงา ส่วนบ้านเก่า คุณแม่กับคุณพ่อยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ว่าจะทำอะไร เพราะบ้านไฟไหม้ก็จะขายยาก”

อัพเดทผลงานหน่อย หายไปนานทีเดียว?

“ตอนนี้มีละคร “ลูกไม้หลากสี” กำลังออนแอร์อยู่ ฟีดแบ็กค่อนข้างโอเค ไปไหนคนก็ทัก แฟน ๆ บอกว่าชอบนะ เป็นกำลังใจให้เรา ก่อนหน้านี้แฟนคลับจะบอกตลอดว่าเมื่อไหร่จะมีผลงานออกมา คิดถึงมาก รอดูอยู่นะ เราก็ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง เฟิร์นก็ไม่รู้ว่าเฟิร์นจะเล่นได้ดีไหม ก็ดูฟีดแบ็กจากแฟนคลับ จากคนอื่น ซึ่งก่อนหน้านี้เฟิร์นหายจากงานละครไปเป็นปีเลย เพราะว่าต้องไปเรียน ไปตามเก็บวิชาที่ไม่ได้ไปเรียนตามเพื่อนเขา รับละครได้ทีละเรื่อง เพราะว่ามีเรียนทุกวันจันทร์-ศุกร์ คิวละครจะเป็น พฤหัสฯ-อาทิตย์ คือครูเฟิร์นไม่ยอมเลย ไม่ให้เกิน 3 ครั้ง ตอนนี้ขาดครบไปแล้วหลายตัวมาก คือขาดอีกไม่ได้แล้ว ต้องดร็อป ต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง”

กับงานหนังก็หายไปนานเหมือนกันนะ?

“ใช่ค่ะ แต่เฟิร์นคิดว่าถ้าจะทำทั้งที ก็อยากทำให้ดี ๆ ไปเลย ตอนนี้กำลังคุย ๆ อยู่ หนังเรื่องใหม่ที่จะเล่นเฟิร์นมีส่วนร่วมเยอะขึ้น จากนักแสดงก็มาช่วยดูเรื่องบทด้วย แต่ของค่ายไหนยังบอกไม่ได้เลย เขาก็เป็นคนคุ้นเคยนี่แหละค่ะ ถามว่าจะได้ดูกันในปีนี้ไหม ก็ยังไม่แน่ใจค่ะ แต่เริ่มขึ้นโครงแล้วเหมือนกัน”

กลัวคนจะลืมหน้าไหม คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก?

“มีเหมือนกันนะ คนจะบอกเฟิร์นว่ามันเสียโอกาสนะ จะไปเรียนจริง ๆ เหรอ แต่คือพ่อกับแม่อยากให้เราเรียน เฟิร์นก็พยายามจัดให้มันลงตัวที่สุด ที่เราจะสามารถทำงานและเรียนได้ด้วย แต่โดยส่วนตัวเฟิร์นไม่ได้คิดว่าเราแข่งขันกับใครอยู่แล้ว เรามีโอกาสเล่นละครเรื่องหนึ่ง เล่นหนังเรื่องหนึ่ง ก็เป็นอะไรที่ดีใจมาก ๆ แล้วค่ะ เราตั้งใจทำทุกงานให้ดีที่สุด ทุกคนมีโอกาสก้าวเข้ามาอยู่แล้ว เฟิร์นเชื่อว่าถ้าทุกคนทำโอกาสตรงนั้นให้ดีที่สุด ชีวิตเราจะดีต่อไปเรื่อย ๆ”

การเรียนเป็นยังไงบ้าง?

“ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 คณะศิลปกรรม เอกการแสดงและกำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรค่ะ ที่เฟิร์นเรียนจะเป็นละครเวทีหมดเลย แต่ก็เอามาประยุกต์ใช้กันได้ เฟิร์นรู้สึกโชคดีที่ได้เรียนอะไรที่ตัวเองรัก รู้สึกอยากไปเรียนตลอดเลย ด้วยความที่กฎระเบียบค่อนข้างเข้มงวดด้วย เฟิร์นคิดว่าถ้าจบมาได้ก็เป็นอะไรที่เราภูมิใจมาก เพราะเขาไม่ได้ปล่อยเราในฐานะนักแสดง เฟิร์นเรียนที่นี่เฟิร์นก็ต้องทำหน้าที่นิสิตให้เท่าเทียมกับคนอื่น ไม่ได้มีอภิสิทธิ์กว่าใคร เกรดก็โอเคมาก ก็ได้ 3.00 ขึ้น แต่เกียรตินิยมคงไม่ได้ เพราะตอนปี 1 ได้เกรดดี มาตัวหนึ่งแล้ว เพราะตอนนั้นถ่ายละครหนัก ถามว่าเสียดายไหมเราก็เสียดาย แต่จะให้มันดีไปซะทุกอย่างคงไม่ได้ เราก็ยอมรับได้ค่ะ”

ทำไมไม่ค่อยมีข่าวเรื่องหนุ่ม ๆ เลย?

“มันอยู่ที่การวางตัวของแต่ละคนด้วย ถ้ามีก็จะเป็นข่าวโปรโมตละคร อย่างเรื่องนี้เล่นกับพี่บอส-โตนนท์ ก็มีข่าวด้วยกัน เฟิร์นว่าคนอาจจะอินกับละครด้วยส่วนหนึ่ง เลยอยากให้ชีวิตจริงรักกัน เป็นคู่จิ้นอะไรแบบนี้ (ยิ้ม)”

มีหนุ่ม ๆ เข้ามาคุยด้วยไหม?

“มีเข้ามาบ้างนะ แต่ว่ายังไม่ได้จริงจังกับใครมากเป็นพิเศษ เพราะเวลาที่ให้เรื่องเรียนกับละครก็เหนื่อยมาก เวลาป่วยก็ไม่หายสักที เพราะไม่ได้นอน ไม่ได้พัก อย่างกับที่บ้านยังไม่ค่อยได้เจอเลย ถ้าเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีใครจีบเลย เพื่อนเฟิร์นเป็นตุ๊ดหมดเลย มีแต่เพื่อนสาว แล้วคณะที่เฟิร์นเรียน เพื่อนคณะอื่นก็ไม่อยากคุยด้วย เพราะว่าโผงผางโวยวาย บางคนก็แต่งตัวประหลาด ๆ หน้าแน่น ๆ ผมสีแน่น ๆ (หัวเราะ) เด็กคณะอื่นก็จะมองเราแปลก ๆ ส่วนหนุ่มในวงการก็ไม่เห็นจะมีใครเลย (หัวเราะ) เฟิร์นจะเป็นคนโดนแกล้งซะมากกว่า ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานตามสเปกหนุ่ม ๆ ถ้ารู้จักจริง ๆ เฟิร์นก็โก๊ะ ๆ กัง ๆ”

แต่น่าจะตรงสเปกหนุ่ม ๆ นะ เห็นแฟนคลับผู้ชายเราเยอะ?

“อ๋อ...ถ้าแฟนคลับผู้ชายกับทอมจะเยอะ แต่เขาอาจจะชอบของแปลก ๆ งง ๆ”

สเปกหนุ่ม ๆ ของเฟิร์นเป็นแบบไหน?

“ไม่ซ้ำกันเลยสักคน (หัวเราะ) ส่วนมากเฟิร์นจะชอบคนที่บุคลิก ชอบที่ความคิดที่เขาแสดงออกมา ไม่มีสเปกเรื่องหน้าตา แต่ตอนนี้ยังไม่มีเลย มีแต่ไปแอบปลื้มเขา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เฟิร์นชอบที่จะแอบมอง แล้วก็แอบกรี๊ดกับเพื่อนตามประสาสาว ๆแล้วก็ลืม”

คุณพ่อคุณแม่ห้ามหรือเปล่า?

“ไม่เคยมีใครห้ามเลยค่ะ จะมีใครก็มี แต่ว่าเราดูแลตัวเองได้ดีแล้วหรือยัง จะไปดูแลคนอื่นได้เหรอ บ้านเฟิร์นอยู่กันแบบเพื่อนกัน กับพ่อแม่ก็เหมือนเพื่อน กับน้องก็เหมือนเพื่อน มีอะไรเขาก็รับฟังเรา ก็ปรึกษากัน คุยกันได้ทุกเรื่อง”

เข้าวงการมาสักพักแล้ว ข่าวไหนที่ทำให้เสียใจที่สุด?

“น่าจะเป็นข่าวล่าสุด วันงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางที่มีภาพหลุดออกมานี่แหละค่ะ จริง ๆ เราก็อายและเสียใจอยู่แล้ว ตกใจด้วย เราโดนวิจารณ์แรง ๆว่าเราสร้างกระแส อยากดัง เราก็เสียใจ เฟิร์นคิดว่าไม่มีใครอยากดังแบบนี้ เฟิร์นแคร์คุณพ่อคุณแม่มากกว่า ถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่เราแคร์ บางทีเป็นพ่อแม่ เราก็ลำบากใจ แต่เราก็ไม่โทษใครโทษตัวเองดีกว่า ถ้าเราระวังให้ดีกว่านี้ก็คงไม่เกิดเรื่อง”

ถึงกับเสียน้ำตาไหม?

“วันนั้นกลับมานอยด์ค่ะ ไม่พูดกับใครเลย คิดว่าจะเอายังไงดี เฟิร์นไม่สบายใจ พอคุยกับคุณแม่แล้ว แม่บอกว่าถ้าเฟิร์นเป็นไอดอลของเด็ก ๆ เป็นตัวอย่างของสังคม เฟิร์นควรจะขอโทษนะ อย่างน้อยมันเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ถ้าเราปล่อยผ่านไป คนก็จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่สิ่งดี เขาจะมองว่าเป็นดาราทำแบบนั้นยังไม่รู้สึกอะไรเลย เฟิร์นก็ทำหน้าที่ของหนึ่งพลเมือง เมื่อทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ออกมาขอโทษ”

ลำดับความสำคัญในชีวิตยังไงบ้าง?

“มันก็ลำดับยากนะ แต่อันดับหนึ่งเฟิร์นให้งานกับเรียน เป็นความรับผิดชอบ ส่วนครอบครัวเป็นความเข้าใจ เพราะเขาเข้าใจปุ๊บ เขาจะให้เราทำหน้าที่ความรับผิดชอบของเราให้ดีที่สุดก่อน เขารอเราได้เสมอ เขาคอยเป็นกำลังใจและสนับสนุน”

วัยรุ่นอายุ 20 ปีอย่างเฟิร์น มีคติในการใช้ชีวิตยังไง?

“วันนี้ล้ม พรุ่งนี้ก็ล้มได้อีก แต่ต้องไม่เจ็บเท่าเดิม แต่เฟิร์นเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและทำให้ชีวิตเราดีขึ้นดีกว่าเดิม ปีนี้เฟิร์นอายุ 20 แล้ว เราก็แยกแยะความสำคัญได้มากขึ้น มีความรับผิดชอบกับทุกอย่างชัดเจนขึ้น เรียนรู้ที่จะเก็บบางอย่างมาคิด แต่บางอย่างก็ต้องปล่อยผ่าน อย่างเมื่อก่อนเฟิร์นจะเก็บมาคิดหมดแล้วก็เสียใจ อย่างทุกวันนี้เฟิร์นจะมองอะไรด้วยความเข้าใจมากขึ้น เดี๋ยวนี้หัวใจเฟิร์นรับความผิดหวังได้มากขึ้น”

เห็นการใช้ชีวิตและความคิดของสาวใบเฟิร์นแล้ว เราเชื่อว่าอนาคตในวงการบันเทิงของสาวน้อยคนนี้ยังอีกยาวไกลแน่นอน