Inside Dara
หน่อย แฉมุมดาร์กของครอบครัว ป่วย ลูก-สามี ไม่ดูแล วางแผนบั้นปลายอยู่บ้านพักคนชรา

ถือเป็นครอบครัวที่หลายๆบ้านรักและชื่นชอบ สำหรับครอบครัวของพระเอกตลอดกาล “เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” และภรรยา “หน่อย บุษกร” ที่มีลูกชายสุดที่รักสองคน คือน้องคุณ น้องจุน นอกจากนี้ยังได้รับคำชมในเรื่องของการเลี้ยงลูก รวมไปถึงความรักของ หน่อย-เคน ที่จับมือกันมาถึง 23 ปีแล้ว

แต่ใครจะรู้ว่าอีกมุมโรแมนติกของครอบครัว ก็มีเรื่องให้หยุมหัวกันอยู่บ่อยๆ แถมงานนี้ หน่อย บุษกร ออกมาแฉเรื่องในอดีตเมื่อครั้งป่วยเป็นโควิด ทำให้รู้ซึ้งถึงชีวิต น้อยใจ ลูก และสามี ที่ไม่ดูแล ถึงขั้นคิดวางแพลนหาบ้านพักคนชราอยู่ในบั้นปลายชีวิตกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้หน่อยได้เล่าถึงบทบาทในละครเรื่องใหม่ สะใภ้สายสตรอง ที่จะออกอากาศวันที่ 23 ม.ค. นี้ ว่าในเรื่องเล่นเป็นแม่สามีที่ค่อนข้างโหดร้ายกับลูกสะใภ้ เลยถูกถามว่าชีวิตจริงมีลูกชาย จะเอานิสัยในละครไปใช้กับลูกสะใภ้ไหม ซึ่ง หน่อย เผยว่า “จริงๆแล้วพี่อ่ะเป็นคนยอมคนที่สุดแล้ว พี่เป็นคนที่อะไรก็ได้ ก็หวังว่าความดีของเราจะทำให้เราเจอคนดีๆ เอาคนที่ลูกเราแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วยก็โอเคแล้ว เราก็เคยเป็นลูกสะใภ้มาก่อน เพราะฉะนั้นเวลาเราเป็นแม่ผัวเราก็ต้องเป็นแม่ผัวที่ดีค่ะ (หัวเราะ)”

“ก็แอบเตรียมใจไว้แล้ว ว่าวันนึงเขาก็ต้องมีครอบครัว ก็ทำใจว่าเราคงต้องอยู่คนเดียว เพราะลูกผู้ชายทั้งคู่ด้วย พูดแล้วน้ำตาจะไหล มองเห็นอนาคตตัวเอง ตายแล้วฉันจะอยู่บ้านพักคนชรามั้ยเนี่ย คือเด็กผู้ชายเราจะไปหวังให้เขามาแบบไอ้นี่เราไม่ได้เนอะ เราต้องดูแลตัวเอง เตรียมของเราไว้ ตอนนี้เขามีคอนโดหมู่บ้านเราไปซื้ออยู่ด้วยกันมั้ย เราต้องศึกษานิดนึงนะ เราต้องเตรียมวางแผน ต้องคิดเผื่ออนาคตนิดนึง วางแผนไว้เบาๆ ไม่ได้จริงจัง”

ถึงขั้นวางแผนอยู่บ้านพักคนชราเลย? “มาดูตอนนี้แล้วแบบเวลาเราไม่สบาย ไม่เห็นมีใครสนใจฉันเลย วันที่พี่เป็นโควิดอันนั้นมันทำให้พี่รู้สึกว่า สุดท้ายกูต้องไปอยู่บ้านพักคนชราแน่เลย คือไม่มีใครสนใจเราเลยจริงๆ นะ เฮ้ย พี่ต้องโทรไปอยู่โรงพยาบาลดีกว่า ให้พยาบาลส่งข้าวส่งน้ำก็ยังดี”

เพราะลูกกลัวติดหรือเปล่า เลยไม่กล้าเข้าใกล้? “ก็ใช่แหละ แต่ว่าในจุดนั้นเราก็เหมือนแบบ ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใคร ทำไมเราเป็นที่รังเกียจขนาดนั้น ตอนนั้นสถานการณ์คือพี่เคนก็ไปต่างจังหวัด พี่อยู่บ้าน พอพี่รู้ว่ามันขึ้นสองขีด พี่ก็โทรบอกน้องสาวให้มารับลูกออกจากบ้านไปเลย พอเด็กไปอยู่อีกบ้านนึง พี่ก็เหมือนอยู่คนเดียว พออยู่คนเดียวพี่ก็แบบ อืม โอเคงั้นฉันไปอยู่โรงพยาบาล โทรไปขอห้อง พอรักษาตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องกลับมาอยู่บ้าน เพื่อจะกักตัว ไอ้วันกักตัวมันเห็นไง วันนั้นเรายังไม่รู้สึกถึงความแบบ ไอ้วันกักตัวเรานึกในใจตรูหายแล้ว แล้วตรูก็ไม่ได้ไปไหน ตรูก็อยู่ของตรูคนเดียว”

“แต่การที่เราสมมติว่า ลูกคนเล็กบอกอยากกินขนม สมมติว่าเป็นโดนัท ก็สั่งโดนัทมา เราก็หยิบไปอันนึง แล้วพี่เคนก็บอกใครให้หยิบก่อน หยิบก่อนแล้วใครจะกินต่อ คือขนาดอยู่ข้างนอก เรากักตัวของเราอยู่ตรงนี้แล้วเราหายแล้วด้วย เราอยู่ระเบียงบ้าน อืม ใครกินต่อไม่ได้ มันคือโดนัทจากการหยิบไม่ใช่เอาปากกัด แล้วเราล้างมือแล้ว นางก็แบบไม่ได้ต้องระวังก่อน อืม โทษแม่อีกแล้ว ตอนนั้นมันก็ดิ่งๆ เราก็เหมือนนั้นไงกูว่าแล้ว กูจุดนั้นแล้วล่ะ ว่าจะต้องไม่มีใครดูแลกูแน่เลย”

ตรงนี้เล่าเหมือนตลก ณ ตอนนั้นมันไม่มีตลกใช่ไหม? “ไม่ตลกๆ น้ำตาตกใน”

ได้บอกความรู้สึกนี้กับพี่เคนไหม? “บอกๆ แทบจะตีกันเลย เพราะเหตุการณ์อีกอันนึง พี่กักตัวอยู่ในห้องแล้วเขาจะใช้บริเวณข้างนอกได้ เขาจะเดินอยู่พี่ก็เปิดหน้าต่างออกไปอยากได้น้ำที่อยู่ในตู้เย็น นางกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เดินไปหยิบน้ำมาให้ แล้วนางก็ขว้างน้ำเข้าหน้าต่าง เชื่อเปล่าว่านางขว้างแม่นมาก แหมะเข้าตรงลูกตาของพี่เขียว แล้วพี่ก็แบบฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลอีกเหรอ ก็ปรี๊ดนืดนึง แต่เขาบอกไม่ได้ตั้งใจก็ไม่หลบเอง ฉันต้องหลบเหรอ ทำไมเธอขว้างขนาดนั้น แล้วทำไมเธอต้องกลัวฉันขนาดนั้น คือหายแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างเราก็พยายามดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนของทุกคน ตอนนี้ปกติแล้ว นี่คือเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลยเล่าให้ฟัง”

ความรักตอนนี้เดินทางมากี่ปีแล้ว? “22 – 23 ปี”

ครบรอบต่างๆ ก็จะเห็นลงรูปเก่าๆ กันเยอะ? “ใช่ ก็มันเป็นตอนย้ายบ้านก็จะเจอรูปเก่าๆ สมัยที่เขากำลังฮิตฟิล์มเรามีมาแล้ว โพลารอยด์เรามีมาแล้ว (หัวเราะ) เราทำมาก่อนแล้วหมดแล้ว เห็นแล้วก็มาลงมันตลกดี ก็คิดถึง”

22 ปีรักหวานชื่นเหมือนเดิมไหม? “มันก็เป็นเรื่องปกติ ตีกันก็มี องค์ลงก็มี แต่มันอยู่บ้านเดียวกันน่ะ มันก็..(ก็เข้าใจกันทุกอย่างแล้ว?) ใช่ สุดท้ายก็อยู่กันไป มันก็เป็นเพื่อนกันไปแล้วแหละตอนนี้ มันก็เป็นคนที่ไว้ใจที่สุด มันก็เป็นเหมือนเพื่อนนะ เพื่อนกันมันก็ตีกัน พี่น้องก็ตีกัน พ่อแม่ยังทะเลาะกันเลย เป็นรสชาติชีวิต ดีไปหมดมันก็ไม่ใช่ ต้องมีให้เราครบรส”

มีมุมไหนของพี่เคนที่พี่หน่อยอยากจะหยุมหัว? “หลายพาร์ทเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่องอย่างนี้ บางทีเราบอกว่าอย่าเล่นอะไรให้มันผาดโผน (เหมือนพี่หน่อยมีลูกสามคน?) อย่างงั้นเลย คนโตเหมือนเป็นคนแรกเลย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง บอกอย่าคือทำเลย(หัวเราะ) ชอบเล่นอะไรแอดเวนเจอร์ก็บอกว่าเธอรักษาสภาพไว้นิดนึง”

การทะเลาะกันแต่ละครั้งไม่เคยคิดจะปล่อยมือกันใช่ไหม? “ทะเลาะกันแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือกัน ก็ต้องอยู่กันไปแบบนี้แหละ คือคนเรามันก็ไม่ได้จะเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ จริงๆ ต่อให้ไม่ว่าคนไหนจะดีที่สุดแล้ว มันก็จะมีมุมให้แบบ..นานคือบางทีอ่ะมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา แต่ในมุมเรา เราอยากจะหยุมหัว พี่ก็เลยคิดว่า อย่าเอาอารมณ์ของเราไปตัดสิน ปล่อยเขาไป”

เรื่องอะไรในครอบครัวเราที่ทำให้คนเขาอิจฉา? “พี่ว่าน่าจะเป็นเพราะพี่เคนเขาเลี้ยงเด็ก เขาชอบเล่นกับเด็กชอบเล่นกับลูก หลายคนก็จะบอกว่าดีจังเลยเขาเล่นกับลูก แล้วเขาก็เป็นคนที่จัดกระเป๋าเอง เขาดูแลเองพี่ไม่ต้องทำอะไรเลย อย่างเช่นเวลาที่เราเดินทาง พี่เคนจะดูแลตัวเอง เขาจะใส่อะไรจัดอะไร เขาก็จะบอกลูกว่าลูกไปจัดกระเป๋าเองเลยนะ จะเอาอะไรไปใส่อะไรจัดของตัวเองให้ดีแต่บางคนก็จะบอกว่าที่บ้านเรา เราต้องจัดให้ทุกคนเลย แล้วต้องบอกอีกนะว่าเสื้ออยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่พี่ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย พี่ก็เอ้าเหรอนี่มันมุมดีเหรอเพิ่งรู้นะเนี่ย”