กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้นสำหรับละครซีรีส์โปรเจทก์ใหญ่ของช่อง 3 "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ซึ่งตอนนี้ได้ดำเนินเรื่องมาถึงเรื่องที่ 3 แล้วใน "คุณชายพุฒิภัทร" นำแสดงโดยพระเอกหนุ่มหน้าใสใหม่ถอดด้าม "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" ที่ตอนนี้กลายเป็นดาวรุ่งมาแรงแซงทางโค้งที่น่าจับตามองมากๆ
ละครเรื่องแรก "คุณชายพุฒิภัทร"ผมว่ามันเป็นผลพวงมาตั้งแต่ตอนคุณชายธราธร และคุณชายปวรรุจแล้ว แต่พักนี้ก็มีคนชอบมาเรียกผมว่าคุณชายหมอ ชายภัทรบ้าง ส่วนตัวผมมองว่านี่อาจจะเป็นคำตอบของผลงานที่เราได้แสดงออกไป จากเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ได้มายืนหน้ากล้อง แล้วแสดงละครให้คนดู ผมบอกได้เลยว่า กว่าผลงานจะออกมาได้ขนาดนี้ ผมกดดันมากๆ แต่ผู้ใหญ่ในช่อง 3 มอบโอกาสให้ผมมาแล้ว ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นละครตัวเองออกอากาศ ผมเขินตัวเองมากๆ เพราะมันเริ่มตั้งแต่ตอนแรกในช่วงคุณชายธาราธร คือผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไปแสดงละครอยู่ในโทรทัศน์ มันจึงเป็นอาการแบบนั้น แต่จะบอกว่าที่บ้านผม คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นกันมากๆ กับผลงานชิ้นแรกของผม ท่านก็ชื่นชมกับงานที่เราตั้งใจทำออกมา ผมก็ดีใจสุดๆ แล้ว
บรรยากาศในกองถ่ายละคร วันแรกที่ต้องเข้าฉากรู้สึกยังไงบ้างวันแรกที่เข้าฉากผมเกร็งและกดดันมาก เพราะเข้าฉากวันแรกก็มีนักแสดงคนอื่นๆ เข้ากันพร้อมหน้าเลย เจอแค่นั้นผมก็มือสั่น ปากสั่นไปหมด แต่โชคดีเราได้ทีมงานที่น่ารัก และพี่เกรท (วรินทร ปัญหกาญจน์) กับพี่โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) คอยให้คำปรึกษา และโชคดีที่มีบอม (ธนิน มนูญศิลป์) และเจมส์ มาร์ ก็เป็นเด็กใหม่เหมือนกับผม เลยมีเพื่อนก็คอยพยุงๆ กันไป
พูดถึงบรรดา 5 สิงห์จุฑาเทพ เป็นยังไง และบรรยากาศในขณะที่ร่วมงานกันสนุกสนานแค่ไหนซีรีส์เรื่องนี้ผมจะต้องร่วมงานกันทั้งหมด 5 เรื่อง เวลาคุณชายมาเจอกันทั้งหมดผู้กำกับแต่ละครคนก็แทบจะส่ายหัว และตะโกนสั่งมาว่า เอ้า...คุณชาย 5 คนน่ะเงียบๆ หน่อย งดส่งเสียง อะไรประมาณนี้ ด้วยความที่แต่ละครซนกันมากๆ แล้วเราก็จะโดนบ่นแทบทุกกอง อย่างพี่เกรทเขาเป็นคนที่แนะนำผมในเรื่องต่างๆ มาก เพราะเขาเป็นคนที่อยู่ในวงการมาก่อน ซึ่งเขาเองก็ทำให้เราเชื่อนะว่าเขาเป็นพี่ชายคนโตจริงๆ ส่วนพี่โป๊ปเขาเป็นคนขี้น้อยใจ ชอบดราม่า ขี้งอนเหมือนคุณชายปวรุจเลย เวลาเราแกล้งนิดๆ หน่อยก็งอน มาที่บอมเรา 2 คนอายุก็ใกล้เคียงกัน เป็นคนที่พูดกันรู้เรื่องมากที่สุด สุดท้ายเจมส์ มาร์ ตอนเข้ามาแรกๆ เราสับสนมากเวลาอยู่ในกองเพราะชื่อเหมือนกัน เวลาเรียกต้องมีชื่ออื่น ผมจะเรียกเขา "ตี๋" บ้าง จะบอกว่าเขาเป็นคนที่อายุเท่ากันกับผม เราเลยคุยกันรู้เรื่อง แต่ถ้าถามว่าผมสนิทกับใครมากที่สุดน่าจะเป็นพี่เกรท กับพี่โป๊ป เพราะเราเข้าฉากด้วยกันบ่อย
อยากให้เม้าท์ "เบลล่า-ราณี แคมเปน" นางเอกคนแรกที่ได้ร่วมงานพูดถึงเบลล่าเอาจริงๆ เขาเป็นคนที่น่ารักนะ เวลาทำงานกัน เราก็จะช่วยเหลือกันตลอด เวลาที่ผมเล่นสะดุด เขาก็จะคอยช่วยผมเสมอ แต่เขามีจุดหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย คือเขาจะเป็นคนที่ช้าเวลาคนในกองเล่นมุกกันเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แล้วจะไปอ๋อเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว
บทบาทคุณชายพุฒิภัทร กับตัวตนของ "เจมส์" เหมือนกันหรือแตกต่างกันบ้างมั้ยตัวชายภัทรเป็นคนที่จริงจัง ทำแต่งาน ไม่เคยมีความรักเลย แถมหัวโบราณด้วย ถามว่ามีอะไรในตัวชายภัทรที่เหมือนผมมั้ย น่าจะเป็นเรื่องเป็นคนที่มีเหตุผลกับสิ่งต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าจุดนี้ผมกับชายภัทรน่าจะใกล้เคียงกันมากที่สุด
ให้คะแนนกับผลงานการแสดงละครเรื่องแรกของตัวเองไว้ที่เท่าไหร่ หากคะแนนเต็ม 10ถ้าให้คะแนนตัวเองผมจะให้สัก 6-7 ที่เหลือผมยกให้ความตื่นเต้นไป เพราะผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา อีกอย่างผมก็ค่อนข้างที่จะกดดันตัวเองมาก แต่ผมอยากให้เป็นการตัดสินใจของคนดูจะดีกว่า เพราะนั่นคือสิ่งที่จะตอบโจทย์ในข้อนี้ได้ดีที่สุด
คิดว่าในละครเรื่องนี้ใน ตอนคุณชายพุฒิภัทร ได้ให้อะไรกับคนดูเราจะได้เห็นภาพในละครที่เป็นแนวพีเรียด ย้อนหลังกลับไปประมาณ 50 ปี เด็กวัยรุ่นอย่างผมก็จะได้เห็นอะไรเก่าๆ เห็นภาพสังคม วิถีชีวิตอะไรต่างๆ อย่างข้อเท็จจริงบางเรื่อง ที่เราไม่เคยรู้ว่ามันเคยเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งบางเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราก็อาจจะเก็บเรื่องราวมาเป็นข้อคิด
ผลงานละครชิ้นต่อไปที่แฟนๆ จะได้ติดตามชมสำหรับละครเรื่องต่อไปที่กำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้ก็จะเป็นเรื่อง รักสุดฤทธิ์ ของคุณตู่ (ปิยวดี มาลีนนท์) ผมจะคู่กับพี่พั้นช์ (วรกาญจน์ โรจนวัชร) และก็จะมี วาววา (ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด) คู่กับพี่บีม (กวี ตันจรารักษ์) ละครเรื่องนี้ก็จะเป็นละครแนวคอมเมดี้ครบรส บทของผมก็จะต่างออกมาจากคุณชายพุฒิภัทรอย่างสิ้นเชิงเลย เพราะผมต้องเป็นแบดบอย ชอบโวยวาย เอาแต่ใจ ถามว่าตรงกับตัวจริงมั้ยบอกเลยว่ามันก็มีบ้าง
บนเส้นทางบันเทิงแต่ก่อนผมก็เป็นเด็กต่างจังหวัดธรรมดาๆ นี่แหละ บ้านอยู่ จ.พิจิตร ตอนนั้นผมกำลังจะจบ ม.6 และคิดว่าจะเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ บังเอิญผมได้เจอกับพี่ปิ๊ก ผู้จัดการส่วนตัวของผม เขาชักชวนให้มาเป็นเด็กในสังกัด ตอนแรกผมก็ไม่รู้เลยว่าผมจะได้เจอ ได้ทำอะไรบ้าง เพียงแค่ไปแคสติ้งตามที่ผู้จัดการให้ไปทดลองดู จนในที่สุดทางช่อง 3 ก็เรียกมาคุย และบอกผมว่าจะได้เล่นละครเรื่องนี้ ความรู้สึกในตอนนั้นผมบอกไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้ว่ามันจะดีใจหรือยังไงดี ผมไม่รู้เลย แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี และก็กลายมาเป็นผมในตอนนี้
ทุกวันนี้คิดว่าตัวเองเดินมาไกลจากจุดเริ่มต้นแล้วหรือยังอยากจะบอกว่าทุกอย่างในวันนี้ มันเกินคาดที่ผมคิดไว้จริงๆ จากปีที่แล้ว ตัวผมเองยังเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่มีใครรู้จักผมเลยในตอนนั้น ผมว่าส่วนหนึ่งที่ผมได้มายืนในจุดนี้ ผมต้องขอบคุณโอกาสที่ผู้ใหญ่ทุกๆ คนหยิบยื่นให้ผมตลอดมา รวมไปถึงทีมงานที่ผมเคยร่วมงานมาทุกท่านด้วย เพราะหากขาดพวกเขาเหล่านี้ ผมคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เป็น "เจมส์ จิรายุ" เหมือนกัน
เคยมีคนทักมั้ยว่าเจมส์หน้าเหมือน "หมาก-ปริญ สุภารัตน์" และกลัวจะเกิดการเปรียบเทียบกันหรือเปล่ามีคนบอกผมมาตลอด แต่จริงๆ แล้วผมมองว่าพี่หมากก็เป็นนักแสดงในช่องคนหนึ่ง ผมว่าพี่เขาก็มีสไตล์ในแบบของเขา ผมก็มีสไตล์ของผมอยู่แล้ว ไม่คิดมากหรอก
วางแผนชีวิตในวงการบันเทิงในอนาคตไว้อย่างไรสำหรับผมวางแผนชีวิตในวงการบันเทิงไว้ในช่วงแรกเพียงสั้นๆ เท่านั้น ประมาณสัก 5 ปี หรือประมาณ 10 ปี ผมก็แค่อยากให้ตัวเองเล่นละครได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และสนุกกับสิ่งที่ผมถ่ายทอดออกมาให้คนดูชื่นชอบก็พอแล้ว ถามว่าผมคาดหวังกับวงการนี้ขนาดไหน ผมแค่อยากทำหน้าที่ของนักแสดงที่ดีนั่นก็คือ ทำให้คนดูจดจำบทบาทของเราในแต่ละเรื่องได้เท่านั้นเอง อย่างละครเรื่องแรกที่มีคนเข้ามาเรียกผมว่าคุณชายภัทรบ้าง คุณชายหมอบ้าง แค่เพียงเท่านี้ผมก็คิดว่าสิ่งที่ผมทำไปมันประสบความสำเร็จแล้ว แค่นี้จริงๆ ที่ผมต้องการ
มุมมองก่อนเข้ามาสัมผัสวงการบันเทิงเป็นอย่างไร และพอได้มาสัมผัสจริงแตกต่างไปจากที่คิดไว้หรือไม่ส่วนตัวผมคิดว่าต่างจากที่ผมคิดไว้มาก เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยได้ชมผลงานของพี่ๆ นักแสดงคนอื่นๆ ในโทรทัศน์ ซึ่งความคิดของผม คิดว่าวงการนี้เป็นอะไรที่ดูจับต้องได้ค่อนข้างยาก และน่ากลัวสำหรับคนทั่วๆ ไป ตัวผมเองคงไม่มีทางได้เข้ามาทำงานอะไรแบบนี้หรอก จนกระทั่งผมได้มายืนในจุดนี้จริงๆ ความคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะจากที่ผมได้สัมผัสมาทั้งหมดพี่ๆ ในวงการเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับคนทั่วไป และน่ารักเป็นกันเองมากๆ อีกอย่างเรื่องความน่ากลัวของวงการ จริงๆ มันก็มีนั่นแหละ แต่ผมมองว่ามันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า
กับกระแสข่าวต่างๆ ที่กำลังจะเข้ามา มีวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านั้นยังไงไม่มีอะไรมากนะ ผมคิดว่าการพูดความจริงและยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ตัวผมเองคงไม่ได้ตั้งรับอะไรมากเพราะตอนนี้ผมตั้งใจทำงานเพียงอย่างเดียว สิ่งหนึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากวันหนึ่งผมต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ จนทำให้ผมท้อ ผมก็ยังคงมีข้างกายผมก็ยังคงมีครอบครัว และกำลังใจจากแฟนคลับที่คอยส่งมาให้ผมเสมอ สิ่งนี้แหละจะเป็นสิ่งทำให้เราลุกขึ้นสู้ในวันที่เราท้อเสมอ
วันวานที่ผ่านมาตอนเป็นเด็กอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่มีอะไรมาก ก็เล่นกีฬากับเพื่อนบ้าง ถามว่าแววความฮอตมันเริ่มมีตอนไหนคงประมาณตอนผมอยู่มัธยมนะ เพราะช่วงนั้น มันจะอารมณ์ต้องการความเท่เป็นอย่างมาก มีเพื่อนคนหนึ่งชวนเข้าไปเล่นดนตรี ก็เอากีตาร์มาดีดโชว์สาวๆ ตอนนั้นผมเล่นเบสแบบงูๆ ปลาๆ มาก เวลามีงานที่โรงเรียนก็จะขออาจารย์ขึ้นไปเล่น ซึ่งต่างจังหวัดในช่วงนั้นมันเป็นอะไรที่เท่จริงๆนะเวลาอยู่บนเวที แล้วมีคนกรี๊ดให้ แต่ถามว่ามีสาวๆ มาปลื้มบ้างมั้ย บอกเลยว่าไม่มี เพราะผมชอบอยู่กับเพื่อนผู้ชายเป็นแก๊งใหญ่ สาวๆ คงจะเข้าถึงตัวยากเล็กน้อย
ครอบครัวปลูกฝัง เลี้ยงดูอย่างไร และสิ่งที่พ่อแม่เป็นห่วงมากที่สุดคือเรื่องอะไรผมโดนเลี้ยงมาแบบค่อนข้างที่จะไม่ตามใจเลย คุณพ่อจะสอนผมด้วยเหตุผลมาโดยตลอด อย่างถ้าเกิดผมอยากได้อะไร หรืออยากเอาชนะพ่อ ผมก็จะต้องหาเหตุผลมางัดข้อกับคุณพ่อตลอดแต่ผมก็ไม่เคยชนะเลยสักที แต่ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ดุมั้ย ก็ค่อนข้างดุเหมือนกันนะ เรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องทั่วไป ที่พ่อกับแม่มองว่ามันไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ประมาณนี้ แต่พอเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ท่านก็ห่วงเรื่องสุขภาพร่างกายซะมากกว่า เพราะทำงานตรงนี้เราก็ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนมากนัก ส่วนมากพ่อกับแม่จะโทรมาทุกวัน เพื่อเช็กความเป็นอยู่ของผมตลอด
เช็กหัวใจหนุ่มฮอตถ้าเป็นสเป็กสาวในใจผมจริงๆ ผมเองก็ไม่ได้มีสเป็กที่ตายตัวว่าจะต้องเป็นแบบนั้น รูปร่างแบบนี้ขอบอกเลยว่ายังไม่มี แต่ถ้ามีผมก็ขอคนที่คุยกับเรารู้เรื่อง และเราสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่องเหมือนกัน ที่สำคัญก็ต้องเข้าใจเรามากที่สุดด้วย เพราะผมทำงานอยู่ในจุดนี้ มันต้องเจออะไรหลายๆ อย่างแน่นอนในอนาคต
ทุกวันนี้มีสาวๆ เข้ามาบ้างหรือเปล่า หรือแอบชอบใครเป็นพิเศษหรือไม่เอาจริงๆ ทุกวันนี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจจริงๆ นะ ว่าทำไมผมถึงไม่มีใครเข้ามาเลยสักคน ไม่รู้ว่าผมโชคร้ายเรื่องนี้หรือเปล่า ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมแล้วจนถึงตอนนี้ ผมก็ยังโสดเหมือนเดิม
บอกได้คำเดียวเลยว่า ฟินเว่อร์...ยิ่งได้รู้จักยิ่งหลงรักหนุ่มคนนี้จริงๆ© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012