Inside Dara
"ปลื้มจิตร์" ยัน "ซานิ เอเอฟ" ยังไม่ใช่แฟน-ภาพใกล้ชิดแค่โพสต์ขำๆ ประสาพี่น้อง

สวัสดีพี่น้องชาวไทย ตามที่สัญญากันไว้ว่าเสาร์นี้เราจะยกพื้นที่ตรงนี้ให้กับพิธีกรที่ได้ชื่อว่าโอเวอร์ที่สุด แรงที่สุด และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเขามากที่สุดไม่ว่าจะทำอะไร เกริ่นมาขนาดนี้คงรู้กันแล้วใช่มั้ยคะว่าเขาคือ “วู้ดดี้” หรือ “วุฒิธร มิลินทจินดา” เจ้าของและพิธีกรรายการ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” และ “เช้าดูวู้ดดี้” เราเห็นเขาสัมภาษณ์คนอื่นมาเยอะแยะมากมายด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมา วันนี้เราเลยอยากจะสัมภาษณ์เขาบ้างด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน เอาละวู้ดดี้ พร้อมแล้วที่จะพูดคุยกับเราแบบตรงไปตรงมา พี่น้องชาวไทย ไปคุยกับเขาเลยดีกว่าค่ะท่าน.


“ดีเจ เปลี่ยนชีวิต”
ลืมไปแล้วว่าวู้ดดี้เข้าวงการมาได้ยังไง?

“วู้ดดี้เข้าวงการด้วยการเป็นดีเจอยู่ที่คลื่น 98 ทีมงานพี่ฉอดทาบทามมาให้เป็นดีเจ 2 ภาษา ตอนนั้นไม่คิดว่าจะทำคิดเพียงแต่ว่าทำผ่าน ๆไปสัก 2-3 เดือนแล้วค่อยไปเรียนต่อเมืองนอก แต่พอได้เช็คเงินมันทำให้เราคิดหรือว่า ..... ตรงนี้มันเหมาะกว่า เงินมันไม่ได้เปลี่ยนผมนะ ผมก็ยังอยากเป็นผู้กำกับในวันนั้น และตอนนี้ก็ยังอยากเป็น แต่ยอมรับว่าเส้นทางของวู้ดดี้มันหักเหนิดหน่อย แทนที่มันจะพุ่งไปเป็นผู้กำกับหนัง แต่วันนี้เรากลายมาเป็นพิธีกร ผู้จัด ผู้ดำเนินรายการ โปรดิวเซอร์ แล้วมันสนุกด้วยในตอนนั้น”

ตัดสินใจไม่ไปเมืองนอก ตอนนั้นคิดนานไหม อะไรคือเหตุผลนอกจากเงินแล้ว?

“คือตอนนั้นมีคนฟังเรา แล้วถ้าเราไปแล้ว คนที่เขามีความหวังว่าอยากจะฟังอะไรดี ๆ ทุกเช้า แล้วเขาจะทำยังไง เราจะคิดแบบนี้ เออ....แล้วถ้าไม่มีเราเขาจะทำยังไง คิดเหมือนซูเปอร์สตาร์เลย คิดเหมือนเป็นนักร้อง (หัวเราะ) คิดแค่เนี้ย แล้วตอนนั้นก็คิดอีกว่าถ้าเราไม่อยู่ในวงการทีวีบ้านเรา ทีวีบ้านเราก็จะเป็นอย่างนี้เหรอ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้วู้ดดี้อยู่ตรงนี้เพราะรายการทอล์กโชว์หรือเปล่า เพราะวู้ดดี้ดูทอล์กโชว์บ้านเราก็ดีนะ แต่ยังไม่โดนผมเลย รู้สึกว่าทำไมไม่ถามกันตรง ๆ ง่ะ ดูแล้วก็ติดอยู่ในหัวทั้งที่ตอนนั้นก็ยังเป็นดีเจอยู่ แล้วก็บอกกับใครก็มีแต่คนบอกว่าต้องรอเวลานะ ก็รอจนกระทั่งก็มีวันนี้”

“ความมั่นใจเป็นที่ตั้ง”

ตอนที่ตัดสินใจมาทำรายการของตัวเองตอนนั้นมั่นใจแค่ไหน?

“มั่นใจมากว่าต้องไปได้ ไม่มีคำว่าพังหรือล้มเหลว แต่ทุกวันนี้มีคำว่าไม่มั่นใจอยู่ในหัวเยอะมาก แต่กำลังกระจายแล้ว เพราะคนเราต้องมั่นใจ อยากทำก็ทำ อยากเป็นอะไรก็เป็น นี่คือชีวิตของเรา คือหลัง ๆ ผมยอมรับว่าผมแคร์ปากเสียงคนเยอะมาก เพราะเราอยู่ในวงการนี้ เราโดนวิจารณ์มาเยอะ แล้วพอได้ยินมาเราก็คิดว่า เอ๊ะหรือว่าเราต้องฟังบ้าง แต่จริง ๆ มันไม่ใช่เราแค่รับรู้ว่ามันคืออะไรแล้วเอามาปรับให้เข้ากับเราไม่ใช่ฟังแล้วเปลี่ยนตัวเองจนงง หลาย ๆ ครั้งที่ผมเขวเพราะสิ่งเหล่านี้ แต่ปีนี้บอกตัวเองว่าไม่แล้ว”

แล้วช่วงงงกับชีวิต วู้ดดี้แก้ไขยังไง?

“ความงงมันจะทำให้เรายิ่งงง ยิ่งเราเปลี่ยนไปมา มันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดชีวิตเราต้องถอยออกมาก่อน แล้วต้องหาตัวเองให้ชัดเจนว่าเราเกิดมาทำอะไรเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราต้องการอะไร เมื่อก่อนพอเรางง ๆ มึน ๆ เราจะแก้ไขจะปรับตัวได้เร็ว แต่พอเราแก่ตัวขึ้นมันจะช้าลงนะ เพราะเราจะคิดมากขึ้น วู้ดดี้เองมีการมองกระจกแล้วบอกตัวเองเหมือนกันว่า ทำอะไรก็ต้องคิดมากขึ้นนะตัวเอง มึนง่ะคิดมากขึ้นแล้วนะโว้ย”

“ตัวตน”
ด้วยภาพดูเป็นคนแรง แล้วตัวจริงวู้ดดี้คิดว่าตัวเองเป็นคนแรงไหม?

“วู้ดดี้คิดว่าวู้ดดี้เป็นคนแรง วู้ดดี้ว่าวู้ดดี้เป็นคนมั่นใจและเป็นคนตรง เหมือนจะแรง แรงคือแรงอะไร พูดจาแรงหรือเปล่า หรือว่าพูดจาให้คนเสียใจหรือเปล่า หรือพูดตรง แต่วู้ดดี้เป็นคนทำอะไรเต็มที่เสมอ ส่วนเรื่องรายการที่หลายคนมองว่าตรงและแรง วู้ดดี้อาจจะคิดว่าคนดูอาจจะชิน ผมว่าการถามตรงทุกคนทำแล้ววันนี้ ส่วนความโอเวอร์ในความมั่นใจ ผมว่าเราเป็นทาทา ในภาคผู้ชาย ในด้านพิธีกรมั้งมันเลยทำให้ภาพมันชัด”

จริง ๆ วู้ดดี้เป็นคนคิดมากไหม?

“มากครับ ผมเป็นคนคิดมาก บางทีคิดเยอะถ้าถามอย่างนี้ ทำยังนี้เขาจะรู้สึกยังไง จนกระทั่งแม่จะบอกว่า เป็นไร นี้มั่นใจแล้วจะมากังวลทำไม พูดไปแล้ว จนกระทั่งพ่อสอนว่า ถ้าคิดมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นให้วู้ดดี้คิดทุกคำก่อนที่จะพูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด เราก็เลยได้เรียนรู้ เดี๋ยวนี้ก็ระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็จะไม่ระวังมากจนเกินไปเดี๋ยวงานเราจะไม่สนุก และสุดท้ายคนจะวิพากษ์วิจารณ์เหมือนเดิม และพอเขาวิจารณ์ไปแล้วเขาก็ลืม แต่เรานี้แหละที่ยังแบกมันอยู่ ไปคิดว่าเขาจะจำมันไปตลอดชีวิต”

วู้ดดี้เคยร้องไห้ไหม?

“บ่อยจะตาย ร้องไห้แบบหลากหลายความรู้สึก แต่หลัง ๆ จะร้องไห้แบบเมื่อเราบรรลุอะไรสักอย่างหนึ่ง อย่างล่าสุดที่ผมเก็บตู้เสื้อผ้า เอาเสื้อผ้าที่เรามีอยู่ขนใส่กล่องเพื่อที่จะแจกให้ลูกน้อง ทีมงานเอาไปบริจาค เราเอาใส่กล่องแล้วก็ปิดกล่อง เสร็จแล้วก็มานั่งคิด เรามีเสื้อผ้าเยอะแยะมากมายเลยเนอะ แล้วก็มองว่าเออ วันนี้เราปล่อยทุกอย่างแล้ว แล้วเสื้อผ้าเราเหลือไม่กี่ตัว สมัยก่อนสิบปีที่แล้วเราอยากมีเสื้อผ้าเต็มตู้เลย แต่วันนี้เราพอใจแค่ 2-3 ชิ้น แค่ที่เราใส่ ก็ค้นพบอะไรบางอย่างว่า สุดท้ายความสุขมันก็อยู่แค่

กับบางสิ่งที่มันทำให้เราสบายใจ และการไขว่คว้าหาอะไรมาใส่ตู้ให้เต็มตู้มันคือความอยาก แต่สมัยก่อนเราไม่คิดไงไม่เข้าใจไง แต่พอวันนี้เรารู้แล้ว เราฉลาดมากขึ้นแล้ว ก็เลยร้องไห้ ทุกวันนี้จะเป็นอย่างนี้ หรือว่าบางครั้งเราฟังแขกพูดอะไรที่มันดี เราก็มานั่งคิด เราก็ร้องไห้ หรือบางทีก็มีแบบ พ่อ แม่ลูก ก็มีกันแค่นี้เนอะ บางทีพอคุยกับแม่เสร็จวางหูโทรศัพท์ คิดว่าเออ เรามีกันแค่นี้เนอะ ก็ร้องไห้ ทุกวันนี้วู้ดดี้ไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องเศร้า แต่สมัยก่อนเป็น

หรือว่าบางทีเครียดมาก หลายอย่างเข้ามาทับถม เรื่องงาน เรื่องรายการ เรื่องที่บ้าน เรื่องโน้นนี้เข้ามาพร้อมกัน วันนั้นผมจะเครียดมากก็อาจจะมีตะโกน แล้วก็ร้องไห้ให้เพื่อนสนิทเห็น ไม่ได้ร้องไห้เพื่อขอความคิดเห็นเขานะ เพราะเราคิดว่าเราเก่งกว่า เราคิดว่าเรารู้ว่าเราควรทำไง แต่แค่ตอนนั้นแค่คิดไม่ออก เราแค่เป๋ กูร้องไห้ให้มันดูนะ ชอบโชว์ไง ( หัวเราะ ) มาดูหน่อยว่าเวลากูร้องไห้เป็นยังไง เพื่อนมันจะบอกว่าไอ้บ้า เวลาร้องไห้มันน่าเกลียดว่ะ แค่นั้นแหละที่ผมต้องการ (หัวเราะ) แล้วพอร้องไห้เสร็จผมก็ลุกขึ้นมาใหม่”

วู้ดดี้เป็นคนตลกไหม?

“อืม....อันนี้ต้องถามคนอื่น แต่เพื่อน ๆ จะบอกว่าวู้ดดี้เป็นคนตลกมาก แต่บางคนก็ว่าวู้ดดี้เป็นคนตลกร้าย แล้วเราเป็นคนประชด เวลาอยู่ในจอเราจะดูร้าย ตลกร้าย แต่ความจริงแล้วไม่นะ เพราะหลาย ๆ ครั้งที่เวลาทำงานในรายการแล้วมีแขกรับเชิญมา เห็นว่าผมพูดจาประชด หรือว่าตลกร้ายใส่ จริง ๆ คนพวกนั้นเพื่อนผมหมดนะ แต่หลายคนไม่รู้”

จริง ๆ วู้ดดี้เป็นคนงี่เง่าไหม?

“ผมเป็นคนที่งี่เง่ามากที่สุดในโลก ถามลูกน้องได้เลย เปลี่ยนตลอด ไม่มีเหตุและผล แต่คนที่อยู่กับเราได้ชิน และจะมีการเตรียมตัวไว้แล้ว คนที่ทนเราไม่ได้ อยู่กับเราไม่ได้ก็ไป ถ้าคนที่อยู่กับเราได้เขาจะเข้าใจว่าผมขี้เบื่อนะ เพราะอยากให้มันดีกว่านี้นะ”

แล้วข้อดีของวู้ดดี้ มีอะไรบ้าง?

“ตอบยากมากเลยนะอันนี้ ผมไม่รู้ว่าข้อดีหรือเปล่า คือสมมุติผมเป็นคนอื่นแล้วมองย้อนกลับมาดูตัวเอง คือผมว่าผมเป็นคนที่แคร์คนมาก แคร์ลูกน้อง แคร์ครอบครัว แคร์คนดู แคร์แขกรับเชิญ แคร์มากคิดแทนและเป็นห่วง”

นี่แค่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ที่เปิดใจคุยกับเรา แต่ยังไม่จบ เพราะเรื่องราวของ วู้ดดี้ แขกรับเชิญคนนี้ขอบอกว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราอยากจะให้ทุกคนได้รู้ และแน่นอนว่าในเรื่องความรัก เราก็ไม่พลาดที่จะถามมาเพื่อไขข้อข้องใจของพี่น้องชาวไทย ว่าคนที่นั่งในหัวใจของวู้ดดี้เป็นใคร....เสาร์หน้าห้ามพลาดกับประเด็นนี้ รับรองอ่านไปลุ้นไปแน่นอนค่ะ พี่น้องชาวไทย.