Inside Dara
"ชิปปี้ ศิรินทร์" ประกาศชัดมีแฟนแล้ว ขอไม่เปิดหน้า ช่วยเยียวยามีความสุขอีกครั้ง

ไม่โสดแล้วนะ นางเอกเอกสาวสุดแซ่บ ชิปปี้ ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ ประกาศชัดๆมีแฟนแล้ว ตามประสาคน “คลั่งรัก” ถึงแม้จะเปิดเผยแต่ยังไม่พร้อมเปิดหน้า ทำให้โลกกลายเป็นสีชมพูอีกครั้ง ยิ่งช่วงที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องใช้เวลาเยียวยารักษาตัวเองเกือบ 2 ปี ก็ได้แฟนหนุ่มคอยเป็นอีกหนึ่งกำลังใจไม่ห่าง คอยซัพพอร์ต จนกลับมาใช้ชีวิตมีความสุขได้อีกครั้ง

หลังจากอยู่ในโหมดเศร้าครอบงำ อารมณ์ดิ่งสุดๆ... “คือตอนนั้นชิปร้องไห้เยอะมากๆ จนเรารู้สึกเหนื่อยจังเลย ใช้ชีวิตยากไม่อยากออกไปเจอใคร ไม่อยากทำงาน ไม่อยากมานั่งยิ้มให้คนอื่นในเวลาที่เรารู้สึกไม่โอเค” อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเดินไปพบคุณหมอ “ตอนนั้นชิปเลิกกับแฟน คือสาเหตุทำให้เรารู้สึกดาวน์ลงไป เพื่อนๆรับรู้เราเป็นแบบนี้ๆ จนวันนึงเพื่อนในกลุ่มมารับที่บ้านพาไป รพ.แบบไม่ทันตั้งตัว รู้ว่าตัวเองไม่ปกติ มีอะไรบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้”

สาวชิปปี้ยังเล่าต่อช่วงรักษานั้นด้วยว่า... “ด้วยความที่ชิปรู้สึกมายด์เซตชิปค่อนข้างชัดเจนเราก็จะรู้ว่าเราต้องการอะไร ชิปจะแก้ไขมันยังไง เพียงแต่ตอนนั้นไม่สามารถคอนโทรลความรู้สึกได้ พอทานยาเหมือนทำให้เรากลับมาคอนโทรลตัวเอง ใช้ชีวิตแฮปปี้ได้เหมือนเดิมค่ะ เอาจริงๆช่วงนั้นโดนคนทักเยอะมาก ทุกคนที่เจอเลยค่ะ ถึงแม้จะไม่ค่อยใส่ใจ ไม่เป็นไรหรอกเราโฟกัสแค่ว่าอยากหาย อยากมีความสุข จนวันนึงพอได้ยินเยอะๆ เริ่มคิดตามเราอ้วนขนาดนั้นเลยเหรอ? ย้อนกลับไปดูรูปร่างตัวเองก็อ้วนจริงๆแหละ พ่อแม่ ญาติ แม่บ้านทุกคนพูดหมดเลยทำไมชิปอ้วนขนาดนี้”

จากสาวไซส์ S กลายเป็นสาวไซส์ L ในพริบตาเลยโดนชาวโซเชียลคอมเมนต์แรงๆ ถาโถม โดนบูลลี่รูปร่างหน้าตาไม่เว้นแต่ละวัน จากเสียงทักบ่อยๆ ทักแรงขึ้นเรื่อยๆจนเสียเซลฟ์ในวันนั้น ทำให้สาวชิปปี้เกิดแรงฮึบ! ลุกขึ้นสู้!! ได้ใช้เวลาไม่นาน กลับมาหุ่นเฟี้ยว! เป็นการลบคำสบประมาทจากคนที่เคยถูก “บูลลี่” แถมยังปังสุดๆ คว้าพรีเซนเตอร์ “ชาเม่” รีเทิร์นความเผ็ด!! พริกเหมาสวนเลยทีเดียว

“ตอนแรกที่พี่เชียร์-ฑิฆัมพร ติดต่อมา ชิปก็ถามว่าจริงเหรอ ก่อนหน้านี้เกือบๆ 2 ปี มั้งคะ ที่ชิปได้เจอพี่เชียร์ ลองกินตัวไฟเบอร์ เพราะชิปจะไม่กินยาลดความอ้วน พอลองแล้วไม่สามารถกินตัวอื่นได้เพราะท้องค่อนข้างเซนซิทีฟ แล้วพอกินของพี่เชียร์แล้วไม่ปวดบิดเลย ก็บอกพี่เชียร์ ไปๆมาๆเลยจ้างพรีเซนเตอร์ เลยค่ะ (หัวเราะ) คือเมื่อก่อนเป็นคนกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน น้ำหนักขึ้นเร็วลงเร็ว จนช่วงนั้นที่ป่วยซึมเศร้าชิปเลยค่อนข้างตั้งตัวไม่ทัน ชิปทานยาน้ำหนักสวิงเยอะมาก แต่ตอนนี้แก้มก็ตอบไปเลย น้ำหนักก็ลดไป 8-10 โล เป็นน้ำหนักที่สูงที่สุดเท่าที่เคยขึ้นเลย”

กลับมาหุ่นดีแถมเซ็กซี่ไฟลุกอยู่บ่อยๆจนเตะตา

งานนี้สาวชิปปี้ตอบด้วยความมั่นใจว่า “โตขึ้นแล้วไงคะ”...อันนี้ถูกของชิป!! แต่อะไรเป็นเหตุที่ทำให้สาวชิปปี้ถึงยอมเปลี่ยนชนิดก้าวกระโดด “พูดตรงๆชิปก็อยากเป็นผู้หญิงเซ็กซี่นะ แต่ด้วยบุคลิก นิสัยก็ไม่ใช่คนเซ็กซี่ ในครอบครัวพี่สาว แฟน เขาจะบอกว่าแกไม่ใช่คนเซ็กซี่ ไม่ต้องพยายาม นิสัยจะเป็นอ๊องๆโก๊ะๆมากกว่า”

เปลี่ยนลุคแบบนี้แฟนเรามีไม้เรียวในมือลั่นมั้ย “ไม่มีเลยค่ะ เพราะว่าในชีวิตปกติชิปเหมือนเดิม ไปเที่ยวแค่ถ่ายรูปทีนึง พออยู่ในโรงแรมชีวิตปกติเราใส่ปกติเขาเลยไม่ห่วงอะไร ถ้ามีคนหนูไม่กล้าถ่ายรูป หนูเขิน” ส่วนใหญ่เขาเป็นช่างภาพถ่ายรูปให้ด้วยไหม “ช่วยถ่ายให้ด้วยนะคะ ค่อนข้างเป็นช่างภาพที่แย่ ถ่ายเยอะมากได้สักรูปนึง 20 ต่อ 1 รูป” เราแซวเรื่องนี้กับคุณแฟนมั้ยล่ะที่เป็นตากล้องเฉพาะกิจแต่ยังไม่ผ่านโปร “แซวค่ะ เวลาชิปเห็นวิวในไอจีจะเอามาให้แฟนดู ให้ถ่ายรูปแบบนี้ๆเพื่อเป็นไอเดีย ส่งให้ตลอดแต่ไม่เคยทำได้เลยค่ะ (หัวเราะ)”

เซ็กซี่จัดเต็มได้ ต้องเรียกว่าชิปโชคดีที่มีแฟนไม่หวง ให้เราเป็นตัวเองเต็มที่ “ใช่เลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะเค้าโตกว่าชิป 2 ปีค่ะ เลยคบกันแล้วแฮปปี้ดีค่ะ”

บนความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีแฝงตัวอยู่เสมอเพราะช่วงที่ซ่อมร่าง รักษาอาการป่วยนั้นทำให้สาวชิปปี้ก็ได้ค้นพบตัวเองในอีกมุมมองนึงเหมือนกัน

“ชิปแฮปปี้กับการที่ได้อยู่คนเดียวเหมือนกัน การที่ไม่มีใคร เราใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมีห่วง มีกังวลว่าแฟนเราจะทำอะไร จะไปไหน มันไม่มีตรงนี้ เราก็เห้ย ตรงนี้ก็เป็นความสุขอย่างนึงเหมือนกันนะ ช่วงชีวิตนึงชิปคิดว่าไม่มีแฟนเราจะเหงา สุดท้ายแล้วชิปโอเคมากๆ ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนกับครอบครัว เห็นคุณค่าของเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น เมื่อก่อนมีแฟนจะทุ่มเทให้กับความรัก คือมีเพื่อน มีครอบครัวปกติ แต่ว่าพอเราไม่ได้มีแฟน พอเราไม่ได้ไปโฟกัสกับแฟน ทำให้เราโฟกัสกับสิ่งรอบตัว คนใกล้ตัวมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกมันดีจังเลย สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรา เพราะถ้าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา เราจะไม่มีทางได้เรียนรู้เลยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ไม่รู้ตัวเองว่าสามารถอยู่กับตัวเองแล้วมีความสุขได้ อันนี้โชคดีมากไม่ใช่ทุกคนอยู่กับตัวเองแล้วมีความสุขโดยที่ไม่รู้สึกว่าเหงา ทำให้เราเห็นคุณค่าตัวเอง หลายคนจะมีท็อกซิกในความสัมพันธ์ ไม่ได้อะไรก็ตาม ทำให้ไม่สามารถออกจากตรงนั้นได้สักที แต่ถ้าเราเห็นคุณค่าของตัวเอง เราสามารถทำอะไรก็ได้ เราสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกได้”

นอกจาก “อินเลิฟ” แล้ว เรื่องงานของสาวชิปปี้ก็โชคดีมีงานออกมาให้เห็นบ่อยๆ ทั้งละคร เพลง เรียกว่ามีความหลากหลายสุดๆ “ตอนนี้ปิดละครไป 1 เรื่อง อีกเรื่องกำลังเร่งปิดกล้องเหมือนกัน ที่เพิ่งปิด ซีรีส์เรื่อง HANGOUT (เปลือก) ของช่องโมโน 29 จะมี 5 นางเอกของพี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ จะมีพี่โดนัท มนัสนันท์, พี่แพนเค้ก-เขมนิจ, พี่ป๊อก-ปิยะธิดา, พี่ขวัญ-อุษามณี 5 คนเป็นเพื่อนกัน

ส่วนการร่วมงาน ชิปเคยเล่นกับเจอแค่พี่โดคนเดียว ถามว่าตอนแรกตื่นเต้นได้เจอพี่ๆ ทุกคนเก่งหมดเลย เราตื่นเต้น พอทำงานด้วยกันจริงๆ เราสนิทกันมาก พอปิดกล้องทุกคนพูดเหมือนกันหาคิวนั่งชิลๆ นั่งดื่มกัน แต่ทุกคนบอกว่าหาคิวเจอกันข้างนอกยากกว่า (หัวเราะ) เล่นเรื่องนี้ทำให้ชิปได้มิตรภาพดีๆกลับมา ก็น่าจะได้ชมกันเร็วๆนี้ คือตอนนี้เข้าห้องตัดต่ออยู่

อีกเรื่องบุหลันมันตรา ทางช่อง 8 อันนั้นเล่นกับพี่นิว-วงศกร ส่วนบทไม่ดราม่าอะไรมากแต่เรื่องราวค่อนข้างเยอะเหมือนเรา ย้อนเวลากลับไปได้ พี่นิวจะเป็นอมตะ คือชิปเหมือนเล่น 3 ชาติ ท้าทายเพราะว่ากึ่งพีเรียดเรื่องแรก แต่บทของชิปจะไม่ได้พีเรียดขนาดที่ว่าพูดเป็นภาษาโบราณ” เท่ากับช่วงนี้ทำงาน 7 วันมั้ย “ตอนนี้ทำงาน 6 วันถึงแม้จะปิดกล้องไปแล้วเรื่องนึง”

พอเป็นนักแสดงอิสระก็จริงแต่งานแน่นมากๆ “ไม่รู้เหมือนกัน ของคนอื่นก็งานแน่นเหมือนกันเท่าที่คุยกับคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ชิปกำลังมีแบรนด์เสื้อด้วยค่ะ ก็เลยพอไม่ได้ถ่ายละครจะมีประชุม ชิปทำกับเพื่อนๆ คิดว่าน่าจะประมาณเดือนหน้า มีชื่อแบรนด์แล้วแต่ขออุบไว้ก่อนค่ะ” ทำไมสนใจทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า “คือจริงๆแล้วเป็นผู้หญิงเนอะประจวบก่อนหน้านี้ที่ชิปจบไฮสกูลที่อเมริกา เรียนพวกแฟชั่นดีไซน์ด้วย แต่อันนี้ชิปอยากจะเอาอะไรที่ค่อนข้างอยู่ได้นานหน่อย อาจจะไม่ฟาสต์แฟชั่นอะไรขนาดนั้น อาจจะเป็นเสื้อยืดได้ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย”

ครั้งนี้ได้มีโอกาสใช้วิชาที่ร่ำเรียนมา “ก็ใช้ด้วยค่ะ แต่มีอื่นๆที่เราไม่เคยทำเลยอยากลองทำ เป็นอะไรที่เราหาลองทำเองได้ โชคดีที่มีคนติดตามค่อนข้างเยอะ ชิปว่าจะเป็นประโยชน์ในการทำแบรนดิ้งใดๆ” ท้าทายขนาดไหนเรียนรู้อีกศาสตร์ “ใช่ค่ะ ก็ชอบอยู่แล้ว พอปิดกล้องไปเรื่องนึงทำให้เราพอจะแบ่งเวลาทำในส่วนอื่นได้ด้วย” แหม่ๆจะว่าไปเข้าข่ายทำงานเหมือนร้อนเงินยังไงก็ไม่รู้เนอะ!!