Inside Dara
“หลิงหลิง ศิริลักษณ์” เปิดมิติใหม่คลานเข้าไปแคสติ้ง จนได้เป็นนางเอก “มักกะลีที่รัก” แต่เกือบลาออกจากการเป็นนางเอก

“หลิงหลิง ศิริลักษณ์” เผยมิติใหม่ คลานเข้าไปแคสงานจนได้เป็นนางเอก ขอเรียกตัวเองว่านักแสดงมือใหม่ แทนนางเอกเต็มตัว เหตุไม่อยากตั้งมาตรฐานตัวเองสูง ลั่นหนักมากเป็นนางเอกครั้งแรก ร้องไห้ทุกวัน มีรอยช้ำกลับบ้านทุกวัน อั้นฉี่นาน 6 ชั่วโมง เกือบลาออกจากการเป็นนางเอกแล้ว แต่เชื่อบทละครเลือกตน

แม้จะเซ็นสัญญาอยู่ในสังกัดช่อง 3 มา 4 ปีแล้ว แต่ “หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง” สาวลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ก็เพิ่งจะแจ้งเกิดเป็นนางเอกเรื่องแรกเต็มตัวในละครแฟนตาซี “มักกะลีที่รัก”ผลิตโดย ชลลัมพีโปรดั๊กชั่น ซึ่งเรื่องนี้ทาง ชลลัมพี เฟ้นหานางเอกมาถึง 3 ปีกว่าจะมาลงตัวที่หลิงหลิง

วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ หลิงหลิง ศิริลักษณ์ นางเอกเลือดใหม่ช่อง3 ซึ่งเธอเล่าว่ากว่าจะได้ชื่อว่านางเอกแล้วนั้น ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง

“หลังจากที่ละครออรแอร์ผู้คนก็รู้จักเรามากขึ้น เช็กได้จากยอดฟอลโลว์ หลิงเองก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะเราไม่เคยเห็นตัวเองในจอมาก่อน เวลาที่เราเล่นเราไม่รู้เลยว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน ทำท่าทางยังไง เราเล่นไปตามความรู้สึก ณ ตอนนั้น พอเรามาดูในฐานะคนดูก็รู้สึกว่าตัวเองน่ารักดี ทีมงานตัดต่อดี

ตอนเล่นก็ยากมากค่ะ เป็นเรื่องแรกเลยที่หลิงได้รับบทนางเอกเต็มตัว เล่นแฟนตาซี ต้องเล่นกับจินตนาการของตัวเองมันก็ค่อยข้างยาก ได้ลองเข้าป่า ได้ไปเห็นน้ำตก มันเป็นอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะ สำหรับนางเอกเรื่องแรกก็ถือว่าได้อยู่ พอใจกับผลงานตัวเองอยู่ค่ะ ไม่ขัดตาตัวเอง”

แม้จะเป็นลูกครึ่ง แถมนับถือศาสนาคริสต์แต่เชื่อว่ามักกะลีมีจริงเพราะได้สัมผัสกับตัวเอง

“หลิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีอยู่จริง พอได้เล่นถึงได้ทำไปเสิร์ชหาข้อมูลก็เลยรู้ว่าเขามีอยู่จริง รวมถึงได้ไปเวิร์กช็อปการแสดงกับผู้กำกับเลยทำให้เราได้ข้อมูลมากขึ้นว่ามักกะลีผลอยู่ในโลกหิมพานต์มีอายุกี่วัน ในโลกมนุษย์กี่วัน มีลักษณะเป็นแบบไหน เราก็ได้ไปเห็นของจริง ไปไหว้ขอพรที่วัดปรางค์มุนี ที่สิงห์บุรี ตอนไปไหว้ก็ได้กลิ่น เจ้าอาวาสท่านบอกจะได้กลิ่นกัน 2 แบบ คือกลิ่นหอมกับกลิ่นเหม็น ซึ่งเราได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้ เหมือนเขามาแสดงตัวกับเรา

หลิงก็เชื่อนะว่าเขามีอยู่จริง แม้ว่าหลิงจะนับถือศาสนาคริสต์ เพราะตัวหลิงเป็นคนที่เข้าทั้งโบสถ์ ทั้งวัด เวลาเราไม่สบายใจ แล้วเข้าวัดรู้สึกว่าเราเบาใจขึ้น เลยเชื่อบวกกับเราได้เห็นตัวมักกะลีที่แห้งไปแล้ว แถมได้กลิ่นอีก มันเลยทำให้เราเชื่อซึ่งมันสำคัญกับงานมาก เพราะเราเล่นเป็นเขา เราก็ต้องเชื่อว่าเราเป็น เขาไม่รู้เรื่อง ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กแรกเกิด ไม่รู้ภาษา”

ทางทีมงานหานางเอก “มักกะลีที่รัก” มา 3 ปี ปิ๊งไอเดียคลานเข้าไปแคสติ้งจึงได้งาน

“เพิ่งมารู้ว่าเขาหานางเอกเรื่องนี้มา 3 ปี ตอนที่ถ่ายจบแล้ว เพิ่งมารู้ว่าที่เขาเลือกเราเพราะเราคลานเข้าไป (หัวเราะ) ก็เล่าให้เขาฟังว่าที่เราคลานเพราะมีหมาตัวนึงที่เรากำลังเล่นด้วยอยู่ ขณะที่เรากำลังทำอารมณ์จะเข้าไปแคส เราก็เลยนั่งลงไปเล่นกับหมาก่อน แล้วจังหวะนั้นเขาก็เรียกพอดี จังหวะนั้นยังไงไม่รู้ เราคิดว่าถ้าตัวละครไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เราเล่นกับหมาอยู่ ก็ตีความตรงนั้นว่ามักกะลีอาจจะเดินไม่เป็นก็ได้ พอเปิดประตูก็เลยคลานเข้าไปเลย คลานแบบไม่รู้เรื่องเข้าไป

หลิงไม่คิดเลยว่าจะได้เล่นละครเรื่องนี้ แคสเสร็จเขาก็มาขอบคุณเรา เราก็แปลกใจนะตอนนั้นว่าทำไมเขาถึงเลือกเราเล่น เราเองไม่มีประสบการณ์เลย เราโตที่ต่างประเทศ ภาษาเราก็ยังไม่แข็งแรง ไม่มีทักษะการแสดงอะไรเลย

จากนั้นก็รู้สึกขอบคุณที่พระพิฆเนศให้พรเรา ก่อนที่จะเข้าไปแคส วันนั้นเรารีบมาก กลัวไปไม่ทันเลยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป ซึ่งเขาก็ยูเทิร์นตรงแยกห้วยขวาง หลิงก็ยกมือไหว้ขอพรเลยว่าถ้าบทมันเหมะกับหนู ขอให้หนูได้นะคะแค่นี้เลย ที่ห้วยขวางเป็นที่ที่หลิงมาไหว้ประจำอยู่แล้วด้วย”

ไม่อยากตั้งมาตรฐานตัวเองสูงจึงขอเรียกตัวเองเป็นนักแสดงมือใหม่แทนนางเอกเต็มตัว ไม่คาดหวังจะเป็นนางเอกเจนใหม่ของช่อง 3

“ยังค่ะ หลิงไม่ได้อยากจะตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูง อยากจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ดรามาก็ได้ คอมเมดี้ก็ได้ ด้วยเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นใสซื่อยอมรับนะคะว่ากลัวคนจะด่าว่าเล่นปัญญาอ่อน เพราะบทมันต้องแบ๊วๆ ทำตัวเหมือนเด็ก ตอนที่เล่นแรกๆ หลิงเหนื่อยมาก แต่พอได้ดูก็รู้สึกโอเค สอบผ่านกับการเป็นนางเอกเรื่องแรก หลิงยังเป็นแค่นักแสดงน้องใหม่ ได้เล่นละครในบทที่เหมาะกับตัวเรา หลิงไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้เป็นนางเอกใหม่ของช่องนะคะ เพราะว่าบางทีบทนางเอกอาจจะไม่ได้เหมาะกับหลิงก็ได้

บทละครมันเลือกคน ถ้าหลิงได้บทที่ไม่เหมาะกับหลิงคนดูก็ไม่ชอบอยู่ดี หลิงเลยคิดว่า เล่นบทที่เหมาะกับเราดีที่สุดดี หลิงไม่ยึดติดกับบทนางเอกเลย ให้หลิงเล่นอะไรก็ได้”

เล่าประสบการณ์เป็นนางเอกครั้งแรก ร้องไห้ทุกวัน มีรอยช้ำกลับบ้านทุกวันที่ทำงาน โหดสุดคือต้องอั้นฉี่ 6 ชั่วโมง

“ยิ่งได้เล่นมักกะลีที่รักยิ่งรู้ว่าการเป็นนางเอกมันยากขนาดไหน อีกนิดนึงก็จะขอยื่นใบลาออกจากการเป็นนางเอกเรื่องนี้แล้ว หลิงก็ถามนักแสดงคนอื่นๆ นะ ก็ถามคนอื่นว่ารับละครกี่เรื่อง บางคนบอก 2-3 เรื่อง หลิงตะลึงไปเลยว่าเขารับได้ยังไงมันหนักมาก ถ่ายมาท้ายๆ เรื่องพี่ทีมงานก็บ่นเหมือนกันว่าเรื่องนี้หนักมากเลย คือหลิงมองว่าแบบนี้คือปกติ เพราะมันเป็นละครเรื่องที่ 2 ของหลิงเอง หลิงไม่รู้ว่าหนักคือยังไง เบาคือยังไง

พอถามพี่แม็ก (วีรคณิศร์ กานต์วัฒนกุล) เขาก็บอกว่าตั้งแต่เล่นละครมาเรื่องนี้หนักที่สุดแล้ว เราก็เลยมา อ๋อ ที่คนอื่นเขารับทีละ 2-3 เรื่องได้เพราะอะไร เราแค่เรื่องเดียวคือเกือบตายเลยค่ะ ช้ำไปทั้งตัว เข้าป่า เจ็บตัวเยอะมากไม่มีคิวไหนที่ไม่ได้รอยช้ำกลับบ้าน อั้นฉี่กันเป็นวันๆ เพราะต้องนอนแช่ในน้ำ 6 ชั่วโมง หลิงพยายามเบ่งออกไปแล้วนะ แต่มันไม่ได้จริงๆ คนมันเยอะเราทำไม่ได้จริงๆ ก็อั้นไว้ จะเข้าห้องน้ำคือต้องนั่งรถตู้ออกไปฉี่ ร้องไห้ทุกวัน”

หนักถึงขนาดอยากลาออกจากการเป็นนางเอกแล้ว ขอบคุณแรงกดดันที่ทำให้ตนพัฒนาตัวเองจนมั่นใจที่จะไปต่อในวงการบันเทิง

“มันหนักมากสำหรับหลิง ทำการบ้านหนักมาก อ่านบทหน้านึงเกิน 10 รอบ ผู้กำกับก็เคี่ยวเข็ญเราอย่างหนัก มันทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราเหมาะกับตรงนี้เหรอ เราดีพอกับตรงนี้เหรอ พอลองไปคุยกับนักแสดงคนอื่น ทุกคนก็ให้กำลังใจมาก เขาบอกเขาเคยผ่านเหตุการณ์แบบหลิงมาแล้ว เดินเข้ามากอง ไม่มีใครทักสวัสดีนะ ทุกคนบอกหลิงสู้ๆ นะ สู้ๆ

มันมีกดดันเยอะมาก แต่ก็ขอบคุณทุกแรงกดดันค่ะ เพราะวันนี้หลิงรู้เลยว่าตัวเองพัฒนาขึ้น มันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เราเหน็ดเหนื่อยมามาก 4 ปีที่เราเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 ผลงานนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก เราได้เห็นก็ทำให้เรามีกำลังไปต่อ ซึ่งโควิดก็กินเวลาเราไป 2 ปีแล้ว”