Inside Dara
'ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่แบบผมหรอก' คำสารภาพจากใจ'พ่อสุรศักดิ์'ของ'ปันปัน'

หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ มากมายสำหรับครอบครัว "อุดมศิลป์" ของนักแสดงสาววัยใสอย่าง "ปันปัน"สุทัตตา วันนี้ คุณพ่อ สุรศักดิ์ อุดมศิลป์ มานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวความน่ารักของครอบครัวนี้ และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของวันพ่อ ที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่กี่วัน ไปดูกันดีกว่าว่าพ่อลูกคู่นี้จะเม้าท์กันน่ารักขนาดไหนไปดูกันเลย

ย้อนวันวานของ ปันปัน
ตอนเด็ก ๆ คิดว่าตัวเองเด็กแบบไหน และวีรกรรมอะไรไหมที่เด็ดๆ บ้าง

ปันปัน : หนูคิดว่าตัวเองเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะดื้อ ก็ดื้อเลย ชอบเถียง ชอบเอาชนะทะเลาะกับพี่สาวบ่อยมาก รุนแรงมาก วิ่งไล่กันแบบจะกินกันแล้ว คือหนูไม่ค่อยยอมคนนะ ส่วนวีรกรรมเด็ดๆน่าจะเป็นที่ทำคุณย่าขาหัก และก็ทำพี่เลี้ยงคอหัก

พ่อ : คืออย่างงี้ ปันปันกับพี่สาวทะเลาะกัน เด็กผู้หญิงก็ตีกัน คุณย่าก็อุ้มปันปัน เพราะเป็นน้องเล็ก ส่วนคนพี่ก็วิ่งตาม ย่าก็วิ่งออกประตู และก็กลัวคนพี่จะหกล้ม พอออกประตูไปย่าก็ล้มเอง ไม่ได้เอามือไปจับเพราะอุ้มหลานอยู่ ก็เลยขาหักไป ถือว่าแสบสุดๆเลย ละก็พี่เลี้ยงคอหัก ตอนนั้นอายุ 3-4 ขวบ เหมือนจะจับคอเขาหัก จำไม่ค่อยได้ แต่ไม่ได้คอหักจริงๆหรอกนะ แค่คอเคล็ดแล้วกัน คอหักน่ากลัวไป จำได้ว่าใส่เฝือก ตอนเด็กๆ เขาชอบเล่นบาส เพราะว่าจะมีราวอยู่ข้างนอก มีสไลเดอร์ด้วย ที่โหนด้วย เด็กๆก็จะโหน โหนทุกวัน โหนจนมือพอง

ระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ปันปันว่าใครดุกว่ากัน

ปันปัน :เขาก็จะดุกันคนละเรื่อง แม่จะดุเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แบบว่าจะดุก็ดุ พ่อจะดุเรื่องที่เราทำผิด ถ้าเขาคิดว่าทำไม่ถูกเขาก็จะดุ แต่แม่จะดุทุกอย่าง ส่วนเรื่องตามใจ จะตามใจต่างกันออกไปคนละแบบ เวลาไปไหนมาไหนแม่จะตามใจเรื่องซื้อของมากกว่าพ่อ จริงๆพ่อก็ให้ซื้อ แต่ขอบ่นนิดหนึ่ง พ่อจะตามใจเรื่องอาหารการกินมากกว่าแม่ อยากซื้ออะไรซื้อ อยากกินไรกิน แต่แม่ห้ามกินตลอด แต่พ่อก็จะซื้อกลับมาให้ จะมีความสุขคนละแบบ เวลาอยู่กับพ่อกับแม่

เรื่องราวจากผู้เป็นพ่อ
มีวิธีการเลี้ยงดู การสอน อบรมลูกสาวคนนี้อย่างไรบ้าง

พ่อ : ตอนเด็กๆ ไม่ดื้อนะ ไม่ดื้อแต่ชอบเอาชนะ เพราะว่าเป็นลูกคนเล็ก จะพยายามแข่งกับพี่ตลอดเวลา พี่ทำอะไรก็จะทำให้ได้ อย่างเช่นบอกว่า ห้ามทำหนูยังเด็ก ไม่ได้ก็จะทำ สมมุติว่าเรื่องขี่จักรยาน บอกว่ายังเด็กอยู่อย่าเพิ่งขี่นะ เดี๋ยวพี่ไปขี่ก่อน ไม่ได้ก็จะขี่ และเกมส์ก็จะเล่นเอาชนะ เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ยอมแพ้ใคร กับเรื่องการเลี้ยงดู เหมือนกันทุกๆคนนะ คือเริ่มต้นต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เวลาของตัวเองดีเสร็จแล้ว แล้วค่อยไปยุ่งของคนอื่น เรามีหน้าที่อะไร เราก็ต้องทำตารางชีวิต ว่าชีวิตต้องทำอะไรบ้าง และเลือกที่จะจัดสรรเวลา ทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำอะไรบ้าง 1 2 3 4 อันนี้ทำ อันนี้ไม่ทำ ถามว่าวางระบบน้องมาตั้งแต่เด็กๆ ไหม ก็ไม่เชิง คือทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ แต่ว่าหน้าที่ของเราต้องทำอะไรบ้าง เป็นเด็กต้องเรียนหนังสือ เราก็ต้องเรียนหนังสือให้ดีที่สุด ส่วนอยากเล่นกีฬาเล่น งานอดิเรกใครอยากทำอะไรก็ทำ ผมไม่เคยห้ามอยู่แล้ว

ช่วงมรสุมของครอบครัว
ที่ผ่านมา เราได้รับบทเรียนอะไรบ้าง คุยกันยังไงบ้างในครอบครัว

พ่อ : ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ คนก็เคยหกล้ม หกล้มได้ก็ต้องลุกได้ ลุกได้ก็ต้องวิ่งได้ คนจะเป็นนักวิ่ง ถ้าไม่เคยหกล้มก็เป็นนักวิ่งไม่ได้ มีหลายคนมองว่า ผมเป็นยอดคุณพ่อแห่งปี ถามผมว่ารู้สึกยังไงบ้าง คงต้องบอกว่า ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่แบบผมหรอก คงไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันผ่านไปแล้ว เราก็มองย้อนกลับไป เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับเราก็เท่านั้น

ตอนนี้ห่วงปันปันเรื่องอะไรบ้าง และมองอนาคตของลูกสาวไว้อย่างไร

พ่อ :ห่วงเหมือนเดิมนะ จะมีเรื่องไม่มีเรื่องก็ห่วงเหมือนเดิม หนึ่งคือเขาเป็นลูกคนเล็ก 2 เขากำลังอยู่ในวัยที่อยากรู้ อยากเห็น วัยลองผิดลองถูก ห่วงทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องการคบเพื่อน ต้องรู้จักคิดให้มากกว่านี้ ต้องโตให้มากกว่านี้ ชีวิตยังอีกยาวไกล กับเรื่องอนาคตจริงๆ เขาต้องเรียนหนังสือให้เยอะกว่านี้ งานที่ทำ ก็ต้องเป็นแค่งานอดิเรก เรื่องงานในวงการบันเทิง ส่วนตัวผมคิดว่า เขาควรจะทำอย่างอื่นที่เป็นอาชีพถาวร และต้องดูว่าต่อไปจะมาช่วยทำอะไรบ้าง เพราะว่าที่บ้านก็มีธุรกิจให้เขาทำเยอะ(หัวเราะ)

อนาคตบนเส้นทางบันเทิง
รู้สึกยังไงที่เราหายไป แล้วยังมีคนรอติดตามผลงาน

ปันปัน :ดีใจ ตอนแรกนึกว่าพอเกิดข่าวขึ้น เราเองคิดไปว่า ที่ผ่านมาเราอาจจะทำให้คนผิดหวัง แล้วก็คงเลิกสนใจหนู แต่กลับตรงกันข้าม หนูว่าเป็นเรื่องโชคดีในความโชคร้ายนะ ที่ทุกคนเปิดใจและยังต้อนรับหนูอยู ต้องขอบคุณทุกคนมากจริงๆ

คาดหวังกับงานในวงการบันเทิงของปันปันอย่างไรบ้าง

พ่อ : สำหรับผมไม่ได้คาดหวัง คือคาดหวังว่าให้โตมาเป็นคนดีของสังคม และก็มีสุขภาพที่แข็งแรง มีชีวิตครอบครัวที่ดีในอนาคต กับงานในวงการบันเทิงผมไม่ได้กำหนดไว้ แต่ไม่อยากให้ไปโฟกัสมาก เราไปโฟกัสเรื่องอื่นดีกว่า เรื่องนี้เป็นงานอดิเรกดีกว่า ทำเท่าที่อยากทำ

ปันปัน : อย่างที่พ่อพูด ก็ทำไปเรื่อย ๆ แต่วันใดวันหนึ่งที่มันถึงจุดไม่ดีแล้ว เราก็คงจะไม่ยืนอยู่ต่อไป หวังว่าจะไม่มีวันนั้น(หัวเราะ)

พ่อ : จริงๆ ก็รู้ว่า เด็กกับผู้หญิงทุกคนต้องชอบ ใครๆก็ชอบความสวย ชอบให้มีคนรัก แต่ว่าของพวกนี้ต้องมีลิมิต ยิ่งเราต้องการมันมากๆ เราก็มักจะไม่ได้สิ่งที่เราต้องการหรอก เราอย่าไปฝันอะไรเยอะแยะ เราก็เป็นของเราอย่างนี้แหละ เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ถ้าไปวิ่งไล่ตามมัน มันก็จะวิ่งหนี

หลายคนอยากรู้ว่าสรุปแล้วงานในวงการบันเทิงสำหรับปันปันจะเป็นอย่างไรต่อไป

พ่อ :ก็คงจะมี เพราะว่างานที่ทำไว้ก็ต้องทำต่อ สุดท้ายก็ต้องดูว่าคนส่วนใหญ่ พี่ๆ ส่วนใหญ่ยังอยากเห็นเขาอยู่หรือเปล่าในจอค่อยว่ากัน แต่ถ้าไม่อยากเห็นเขาแล้ว เขาก็กลับมาเป็นลูกผมเหมือนเดิมไม่เป็นไร

ความในใจของคนเป็นลูก
ปันปันพูดถึงความประทับใจคุณพ่อหน่อย ประทับใจอะไร

ปันปัน :ประทับใจทุกๆเรื่องนะ เพราะเขาเป็นคนที่แบบสอนดีมาก เป็นคนที่พูดอะไรแล้วจะคิดตลอด ไม่เคยทำให้คนในครอบครัวผิดหวังเลย และพ่อก็เป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตของหนู พ่อก็เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต ครึ่งหนึ่งก็พ่อ ครึ่งหนึ่งก็แม่ เราก็มีกันแค่นี้

มีเหตุการณ์อะไรที่เราจำได้เกี่ยวกับคุณพ่อไหม

ปันปัน : คงเป็นเหตุการณ์ล่าสุด ไม่คิดมาก่อนว่าพ่อเราจะขนาดนี้ คือบทเรียนนี้มันสอนให้หนูรู้ว่าใครที่รักหนูจริง ใครจะคอยอยู่เคียงข้างหนูในวันที่หนูล้ม คำตอบก็คือ ครอบครัว พ่อ แม่ พี่ พ่อคอยบอกคอยสอนให้หนูเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ เพราะเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว พ่อบอกให้ทำอนาคตของเราเองให้ดีที่สุด กับเรื่องราวที่ผ่านมา ถือว่ามันหนักมากๆ บทเรียนที่ได้รับมันก็เตือนสติเราเองนะ ว่าจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน และจะต้องมีสติทุกเรื่อง ควรจะรู้ได้แล้วว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่ใช่ทำทุกอย่างที่อยากทำตามใจโดยที่ไม่แคร์ว่าผลที่ตามหลังมา มันกลับมาทำร้ายตัวเราให้เจ็บปวดสักแค่ไหน

พ่อลูกผูกพัน
ให้คะแนนความรักซึ่งกันและกันหน่อย

พ่อ : คือจริงๆ ปันปันเป็นเด็กที่น่ารักมากนะ เป็นเด็กที่มีชีวิตชีวา แต่บางทีก็ติส จี๊ด คือจะเยอะ อยู่ด้วยแล้วจะมีความสุข แต่ถ้าอยู่นานๆ แล้วจะปวดหัว บางทีก็เยอะเกิน (หัวเราะ) ไม่มีเวลาหยุดให้หายใจ พลังงานเยอะ แอคทีฟมากไป ตั้งแต่อยู่ในท้อง นึกว่าเป็นผู้ชาย แต่เกิดมาเป็นผู้หญิง เพราะว่าเกิดมาตัวใหญ่ เกือบสี่กิโล แม่ตัวนิดเดียว แต่ในความที่เขาดูเหมือนเด็กก้าวร้าว จริงๆก็มีความกลัวอยู่ในใจ เด็ก ๆ จำได้ว่าเขาต้องนอนกัดนิ้วทุกคืน ถ้าไม่งั้นนอนไม่หลับ จะนอนต้องมีคนเฝ้า พอปิดไฟต้องมีคนจับนิ้วไว้ เพราะว่ากลัวผีบ้าง กลัวอะไรบ้าง เป็นคนขี้กลัว แต่ชอบอยากลอง สรุปคิดยากนะให้เต็ม 10 ละกัน

ปันปัน : มีคะแนนแค่10 คะแนนเอง แต่หนูอยากให้พ่อ 11 คะแนน เพราะพ่อเป็นคนดี และน่ารักกับหนูมากๆ จุ๊ฟๆ

สุดท้ายมีความในใจอะไรอยากจะบอกซึ่งกันและกันบ้าง

พ่อ : อยากบอกปันปันว่าไม่ว่าหนูจะดี จะร้าย หรือจะเป็นอย่างไร ยังไงปันปันก็เป็นลูกพ่อ พ่อรักลูกนะ

ปันปัน : ยังไงหนูก็เป็นลูก เรามีกันอยู่แค่นี้นะ รักพ่อนะ ถึงแม้ว่าไม่ได้พูดนานมากเลย ขอบคุณพ่อสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วย

เป็นอีกมุมหนึ่งของครอบครัว "อุดมศิลป์" ที่ดูแล้วน่ารักฝุด ฝุด เลย