Inside Dara
“ต่อ” อ้างไม่รู้ระบบกองถ่ายละคร ยันไร้อภิสิทธิ์ไม่ขอแชะคู่ “อายส์”

“ต่อ ธนภพ” ยันไม่มีอภิสทธิ์ ไม่ขอถ่ายรูปคู่ “อายส์ กมลเนตร” ยอมรับแปลกใจพระนางไม่ได้ถ่ายรูปคู่กัน แต่อ้างตนไม่รู้ระบบกองถ่ายละคร ย้ำบรรยากาศวันฟิตติ้งไม่มาคุ ขอโทษทุกฝ่ายหากทำให้รู้สึกไม่ดี บอกไม่รู้ตัวเองเหวี่ยงแฟนคลับ

โดดมาเล่นละครเรื่องแรกก็เจอปัญหาซะแล้ว สำหรับหนุ่ม “ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร” ที่มีข่าวว่าไปชักสีหน้าใส่ผู้จัด “นก สินจัย เปล่งพานิช” กลางกองฟิตติ้งละครเรื่อง “ชาติพยัคฆ์” เพราะไม่พอใจที่ต้องใส่ชุดแมนจู แถมยังต้องตัดผมทรงสกินเฮด เนื่องจากยังติดถ่ายหนังอีกหนึ่งเรื่องเลยยังไม่สามารถตัดได้ แถมยังอิดออดไม่ยอมถ่ายรูปคู่นางเอกที่ต้องเล่นคู่กันอย่าง “อายส์ กมลเนตร เรืองศรี” อีก

ซึ่งล่าสุดหนุ่มต่อได้มาร่วมงานประกวด PAUL FRANK NEW IDOL 2014 ณ ชั้น M ศูนย์การค้า เทอร์มินอล 21 เจ้าตัวก็ขอเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่าอาจจะเป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะตนไม่ได้ไปชักสีหน้าใส่ผู้จัดแน่นอน และอาจจะเพราะตนยังใหม่กับงานละคร เลยยังไม่รู้ขั้นตอนในการทำงาน

“จริงๆ แล้วอยากอธิบายว่าอาจจะเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดกันมากกว่าครับ เพราะในมุมของตัวต่อเองคิดว่าอาจจะไม่ได้แสดงกิริยาท่าทางอย่างนั้นออกมา คือ ตามข่าวมันเกิดจากวันฟิตติ้ง จริงๆ แล้วบรรยากาศก็ไม่ได้มีอะไรที่ดูบรรยากาศไม่ดีเป็นพิเศษนะครับ ก็เป็นการฟิตติ้งกันปกติ เพียงแต่ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องที่เรามีการคุยเรื่องทรงผม แต่จริงๆ แล้วไม่ได้มีการไม่พอใจกันเกิดขึ้น แล้วพี่นกก็ใจดีมากๆ มีการแก้ปัญหาคุยกันหน้ากอง เหตุจริงๆ แล้วมันเล็กมากเลยครับ ผมก็รู้ว่าผู้ใหญ่ทางละครก็อาจจะทำงานหนัก ทางผมก็ทำงานด้วยเหมือนกัน แต่ว่าอาจจะมีปัญหาด้านการสื่อสารมากกว่าที่เราไม่ได้บรีฟกันก่อนว่าทรงผมประมาณไหน เลยอาจจะทำให้พี่ๆ ที่ดูแลอาจจะตกใจนิดหน่อย”

“ตอนแรกที่ผมรู้ข่าวก็ไม่ตกใจนะครับ เพราะในใจจริงๆ คิดว่าเข้าใจผิดกันเฉยๆ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าจริงๆ แล้วถ้าเกิดมันมีปัญหาอย่างนี้ อย่างน้อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือความจริงจะไม่ได้มีอะไรเลย อย่างน้อยเราควรขอโทษ เพราะว่าเราก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่ว่าพอข่าวออกมาแล้วก็ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยครับ”

“ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับพี่นกเลยครับ เพราะอย่างที่บอกว่าจริงๆ เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย หลังฟิตติ้งก็ปกติมากๆ รวมถึงวันฟิตติ้งนั้นก็ไม่ได้มีบรรยากาศอะไรที่แปลกไปเลย คือถ่ายกันปกติแล้วก็กลับกันปกติเลย วันนั้นก็ได้เจอพี่นก ฉัตรชัยครับ คือพี่นกเอาอาวุธมาให้ดูว่าจะต้องมีการเรียนรู้อาวุธแบบนี้ๆ นะ เราก็ว้าว เพราะไม่เคยเห็นของที่ดูโบราณแบบนี้ มันดูมีพลัง (ยิ้ม) ส่วนกับพี่นก สินจัยก็จะนั่งคอยดูงานอยู่ด้านหลังมอนิเตอร์มากกว่าครับ ก็มีสวัสดี คุยกันปกติ”

เผยที่ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับ “อายส์ กมลเนตร” เป็นเพราะมีป้ายเขียนว่าห้ามถ่ายรูป แต่บอกไม่รู้ต้องถ่ายคู่ตอนฟิตติ้งด้วย

“ส่วนเรื่องที่ว่าไม่ถ่ายรูปกับพี่อายส์ ไม่ใช่เลยครับ จริงๆ แล้วคือไม่ใช่ว่าผมไม่ถ่ายรูปกับใครครับ แต่เนื่องจากผมยังใหม่มากๆ ด้วย เวลาไปไหนผมก็จะพยายามว่าจะไปทำอะไรให้ผู้ใหญ่ไม่ชอบหรือว่าเราทำอะไรพลาดหรือเปล่า จริงๆ แล้วในห้องแต่งตัวจะมีกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่ว่าห้ามนักแสดงถ่ายรูปลงโซเชียล ซึ่งวันนั้นผมกับพี่ที่ดูแลก็มองอยู่ เพราะบางทีมันก็เป็นงานที่ควรปิดไว้ก่อน รอผู้ใหญ่บอกดีกว่าว่าเราโปรโมตได้เมื่อไหร่ แต่ตอนฟิตติ้งก็ไม่ได้ถ่ายคู่กันครับ เพราะผมก็ไม่มีอำนาจจะไปบอกได้ว่าผมจะต้องถ่ายรูปกับใคร แต่ว่าพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยออกไปถ่ายหน้าเซ็ตก็ไม่มีคิวถ่ายกับพี่อายส์ครับ แต่เรื่องที่ไม่ถ่ายกับพี่อายส์จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนไม่มีโซเชียล ผมก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรมากกว่า”

“จริงๆ แล้ววันนั้นจะบอกว่าไม่ได้ถ่ายกับใครเลยก็ไม่ได้ เพราะว่าจริงๆ วันนั้นต่อก็ถ่ายรูปคู่กับพี่เจนนิเฟอร์ คิ้มครับ แต่ถามว่ามันแปลกไหมที่พระนางไม่ได้ถ่ายรูปฟิตติ้งคู่กัน จริงๆ ก็อาจจะนิดหน่อยครับ แต่ที่ไม่ได้ถามก็เพราะยอมรับเลยว่ายังไม่ค่อยรู้กับระบบกอง มันยังแปลกใหม่ เราเป็นผู้น้อยตัวเล็กๆ ก็ทำตามที่เขาบอกมากกว่า ผมมีความรู้สึกว่าอาจจะรอทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก่อน เพราะยังไม่ค่อยรู้อะไรในกองครับ แต่จะมีการถ่ายฟิตติ้งคู่กันใหม่หรือเปล่า ก็เอาตามผู้ใหญ่เห็นสมควรแล้วกันครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะใช้ได้แล้วหรือเปล่า เพราะได้ข่าวว่าวันนั้นพี่เขาก็มาตั้งแต่เช้า”

ยืนยันเรื่องทรงผมไม่เป็นปัญหา และตนก็ไม่ใช่คนเรื่องมากด้วย

“ถามว่าเรื่องบท เรื่องทรงผมมีการแก้ไขหรือยัง จริงๆ แล้วที่บอกว่ามีการแก้ไขกันหน้ากอง คือผมก็ฟิตติ้งด้วยทรงผมทรงนั้นอยู่ แล้วก็คุยแก้ปัญหากันที่ว่าขอถ่ายรูปกลับไปรูปหนึ่งเพื่อเอาไปให้ผู้ใหญ่ทางต่อดูบ้าง ซึ่งสรุปแล้วผู้ใหญ่ก็โอเคครับ แต่ตอนแรกตกใจแค่ว่าทรงมันไม่ใช่ทรงที่ธรรมชาติขนาดนั้น แล้วมันต้องใส่เอฟเฟกต์โน่นนี่นั่น และไม่ได้คุยกันมาก่อนว่าเราจะต้องแต่งแบบไหน”

“ไม่ใช่ว่าต้นสังกัดกลัวจะเสียภาพพจน์หรอกครับ เพราะผมว่าพี่นกก็ต้องเลือกมาระดับหนึ่งแล้วว่าเราต้องโอเค แต่ว่าที่ตกใจคือไม่ได้คุยและอาจจะนึกภาพไว้ไม่ตรงมากกว่า ผมไม่ได้เรื่องมากเลยครับ ใครที่เคยเจอผมหรือว่าเคยรู้จักกันจะรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ใช่คนที่มีปัญหา คือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว และจากการทำงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะกองไหนก็ไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้วครับ ยืนยันครับว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ต่อไม่ได้ชักสีหน้าและไม่ได้ไม่ถ่ายรูปกับใครแน่นอน”

“เข้ากองครั้งต่อไปก็คงไม่เกร็งครับ ผมเชื่อว่าพี่ๆ นักแสดงทุกคนโอเคกันมากๆ ครับ ผมเชื่อว่าพอมันเป็นการเข้าใจผิด มันก็ไม่ใช่การผิดใจอะไรกันจริงๆ ซึ่งเราก็ไม่ควรตั้งกำแพงตั้งแต่ยังไม่ได้ถ่าย ผมว่าควรให้งานมันเดินอย่างราบรื่นจะโอเคกว่า กลัวจะมีปัญหากับผู้ใหญ่คนอื่นไหมก็ขอให้ทางพี่ๆ สื่อช่วยแล้วกันนะครับ ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ”

โต้แฟนสาวเหวี่ยงใส่แฟนคลับที่มาขอถ่ายรูป ยันเป็นการพูดคุยกันดีๆ

“ไม่ใช่ครับ คือพอดีวันนั้นผมคุยธุระเรื่องงานซีเรียสอยู่ คือผมเดินอีกฝั่ง แล้วเขามาขอถ่ายรูปอีกฝั่ง คือเขาไม่เห็นว่าผมคุยโทรศัพท์ แต่ผมก็ละสายไม่ได้ครับ ผมก็เลยสะกิดแฟนให้ช่วยบอกหน่อยว่าแป๊บหนึ่งนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้ถ่ายนะครับ แฟนผมเขาก็บอกปกติว่าแป๊บหนึ่งนะคะ พอเขาหันไปบอกเสร็จผมก็หันไปคอนเฟิร์มเช่นกันครับว่าแป๊บหนึ่งนะครับ พอคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับไปถ่าย”

“คือเราพยายามไม่คิดมากครับถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ทำ แต่ถ้าเกิดพี่ๆ ถามมาเราก็ยินดีอธิบายเหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้วเราไม่สามารถห้ามได้ เพราะในมุมมองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างตอนนั้นถ้าเกิดว่าเราเหนื่อย หน้าเราอาจจะออก และเราอาจจะไม่รู้ตัวเองจริงๆ ก็ได้ครับ”