Inside Dara
พี่ไม่ได้โง่! “แตงโม” ขอโทษปั่นหัว “ซาย” คึกคะนองเพราะอยากแกล้งคน จี๊ดถูกท้าทายก่อน

ปลอมมาปลอมกลับ “แตงโม” รับปั่นหัว “ซาย เคพีเอ็น” จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบเพราะคึกคะนอง เผยอีกฝ่ายท้าทายก่อน เตือนปล่อยแชตไลน์เองก็มีปัญหากับ “กานต์” เอง ยันฝ่ายชายไม่มาหยอด ล่าสุดเข้ามาขอโทษทั้งสองฝ่ายแล้ว เปิดใจพี่ไม่ได้โง่ ถ้าไม่ขอโทษจะจัดเรื่องจริงให้ ไม่พูดหวั่นกระทบหน้าที่การงาน

ถูกตราหน้าว่าแย่งแฟนชาวบ้าน หลังจากที่ถูกแฉแชตไลน์ที่อ้างว่าสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” กำลังปฏิบัติการณ์ซุ่มกิน “กานต์ เคพีเอ็น” จน “ซาย เคพีเอ็น” ร้อนรนอยู่ไม่ติดเพราะกำลังจะเสียของรัก ล่าสุดสาวแตงโมเผยระหว่างมาร่วมงานประกวด MISS MAXIM 2016 THE SEXY ICON รอบตัวสิน ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รับตอบกลับอีกฝ่ายแค่คึกคะนองอยากแกล้ง เพราะอีกฝ่ายเล่นแรง ปลอมไลน์ก่อน

“สำหรับสิ่งที่เห็นกันนะคะ ก็ต้องชี้แจงว่ามันเป็นเรื่องที่ความขี้อำและการแกล้งคนของโม มันก็ไปเป็นเหตุเป็นเรื่องราว แต่ว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไง เรื่องของเรื่องด้วยความที่โมเองก็มักจะเป็นที่ปรึกษาของคนหลายๆ คนอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย โดยตลอดเวลาตั้งแต่โมผ่านอะไรเข้ามาหลายๆ อย่าง ก็จะมีคนเข้ามาปรึกษาบ่อยครั้ง การทำความรู้จักคนใหม่ๆ แปลกๆ ก็มีเช่นกัน น้องกานต์ก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามาปรึกษาโมเช่นเดียวกัน โดยที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เหมือนทุกคนทั่วๆ ไปนะคะ เพียงแต่ว่าน้องดันเป็นคนที่เป็นที่รู้จักสำหรับคนอื่น แต่ว่าโมเองเนี่ย ไม่รู้จักน้องเขามาก่อนเลย”

“เขาก็ทักเรามาก่อน น้องๆ หรือว่าพี่ๆ บางคนที่เข้ามาปรึกษาโมเนี่ย ส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องของความรัก เรื่องชีวิต การท้อแท้หรือว่าอะไรทำนองนี้ ก็ปรึกษากันไปปรึกษากันมาก็มีน้องผู้หญิงเข้าใจผิด พอน้องผู้หญิงเข้าใจผิดก็ได้ไดเร็กแมสเสจมาหาโมด้วยการปลอมตัวเป็นน้องกานต์ แล้วก็ด้วยความที่โมก็ไม่ได้คือยังไง คือโมรู้ทันนะคะ โมก็เลยด้วยความขี้แกล้ง ทุกคนที่รู้จักโมจะรู้ว่าโมเป็นคนแบบนี้ โมก็มาแบบนี้ก็เล่นต่อสิคะ ใช่มั้ยค ะเพราะว่าเขาก็ไม่ได้เปิดมากับเราดีๆ เขาเปิดมากับเราด้วยความที่เขาเข้าใจผิดและมีความ just เราอยู่ในนั้นด้วยน้องก็ตัดสินเราไปแล้ว และน้องมีความท้าทายด้วย จะเห็นได้จากที่เขาพิมพ์นะคะ ว่าเขาก็ค่อนข้างที่จะแหย่ให้เราพูดอย่างโน้นพูดอย่างนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเนี่ย มันไม่ได้มีอะไร”

รับจัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบด้วยความคึกคะนอง ขอโทษเคยหัวเราะซายแต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว

“แต่ทีนี้อันนี้โมก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดันไปแกล้ง ด้วยการพิมพ์ตอบไปแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบเหมือนกันค่ะ คือตอนนั้น ความคึกคะนองของโมเนี่ย โมหัวเราะนะแต่ว่ามานึกถึง ณ เวลานี้โมก็เข้าใจแหละว่าการพิมพ์ไปแบบนั้นมันมีผลกระทบต่อความรู้สึกของน้อง เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยโมต้องขอโทษ โมจะชี้แจงให้ฟังนะคะ(พูดพร้อมหยิบเอกสาร) ไม่ว่าจะแชตไหนก็ตามที่ได้เห็นนะคะ เป็นสิ่งที่โมรู้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าไม่ใช่ของจริง สรุปง่ายๆ คือว่าทั้งหมดนี่ปลอมทั้งสองข้างเลย ฝั่งหนึ่งปลอมมาเป็นผู้ชาย อีกฝั่งหนึ่งปลอมเพราะว่าคอนเวอร์เซชั่นมันไม่ใช่ของจริง นึกออกมั้ยคะ คือเรารู้แล้วว่าคนนี้ปลอมตัวมา เราเล่นกลับ อันนี้ก็คือหลังจากนี้เขาเองก็ทนไม่ไหว จากที่โมไปปั่นหัวเขาขนาดนั้น เขาก็ทนไม่ไหวเขาก็บอกว่า โอเคอันนี้หนูเองนะคะ โมก็เลยบอกว่าอย่างที่เห็นกันค่ะ ที่พิมพ์ไปโมรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ เพราะฉะนั้นกรุณาขอโทษโมด้วย เพราะสิ่งที่หนูทำทั้งหมดพี่ทำมาหมดแล้ว”

ไม่โง่ แต่ก็พูดความจริงไม่ได้ หวั่นกระทบหน้าที่การงานทั้งสองฝ่าย

“ไม่ใช่ว่าพี่โง่ พี่ไม่รู้ ถ้าเกิดว่าไม่ขอโทษ พี่พูดเรื่องจริงก็ได้ ซึ่งเรื่องจริงนี่มีเยอะนะคะ แต่ว่าโมไม่สามารถพูดได้ เพราะว่าน้องทั้งสองคนอาจจะแบบมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน เอาเป็นว่าโมขอพูดแค่ว่าน้องได้มาขอโทษโมแล้ว เพราะว่าน้องเนี่ยด้วยความที่อารมณ์ด้วย แล้วก็ ณ เวลานั้น โมเข้าใจว่าเป็นใครใครก็เข้าใจผิดแล้วก็หึงหวง น้องก็เลยขอโทษแล้วก็ ขอให้โมเข้าใจ ซึ่งโมก็เข้าใจ แต่ว่าด้วยความที่น้องอาจจะไม่ได้ปล่อยแชตตรงท่อนที่น้องขอโทษ ไปยังทุกๆ คน มันก็เลยทำให้โมถูกเข้าใจผิดว่าโมจะแย่งของใครจริงๆ หรือว่ามันมีอะไรมากมายเกินไปกว่านั้น”

แว้บแรกคิดว่าทำกันเกินไป อายุขนาดนี้มาเล่นกับตนได้ยังไง แต่ให้อภัย ไม่ติดใจเอาความ

“โมก็ออกมาชี้แจงแบบนี้แหละค่ะ ว่าน้องเขาได้ขอโทษโมมาแล้ว ซึ่งโมก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร แว้บแรกก็คิดเหมือนกันว่าเกินไปแล้ว เพราะโมอายุขนาดนี้แล้ว มาเล่นกับโมแบบนี้ ก็อย่างที่โมพิมพ์ไปแหละค่ะ ว่าผิดคนนะ จริงๆ แล้วโมเองไม่ได้มีอาวุธอะไร ปากโมก็ไม่ใช่อาวุธ มีอาวุธคือความจริง ซึ่งมันจะต้องออกจากปากโม โมก็ไม่อยากจะใช้อาวุธมาทำร้ายใคร แล้วน้องทั้ง 2 คน ยังมีอนาคตที่ดี น้องซายก็เป็นคนที่มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากๆ มีครอบครัวที่ดีมากๆ จริงๆ แล้วทั้งหมดทั้งมวลถ้าตัวโมเข้าใจและให้อภัยได้แล้ว ทุกคนก็ควรที่จะเข้าใจ และสนับสนุนน้องทั้ง 2 คน เหมือนที่โมรู้สึก”

ไม่เฉลยความจริงเพราะคึกคะนอง

“ก็ความคึกคะนองแหละค่ะ โมเป็นคนแบบนี้ถึงเป็นหน้ากากพยาบาลได้ โมถึงเป็นข่าวตอนวันเอพริลฟลูเดย์ได้ โมลงว่าเพื่อนแพลงกิ้งแล้วตาย คนทั้งกองจะไปงานศพเพื่อนได้”

เผย “กานต์” ขอโทษ ยันไม่เคยมาหยอด แค่ปรึกษาเรื่องความรัก

“ก็ปรึกษาในเรื่องของความสัมพันธ์ความรักที่คนสองคนรักกันมากๆ ค่ะ ไม่ได้มีหยอดเลยค่ะ เขาก็ขอโทษตลอดเวลาค่ะ (ไดสุเกะนักแสดงช่อง 5 เพื่อนซายก็โพสต์แรงเหน็บว่าเป็นสินค้าลดราคา ของดีต้องกินในที่แจ้ง?) อันนี้โมไม่ทราบ ไม่รู้จักจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวต้องไปเสิร์จดู”

โพสต์รูปนกกระดาษก็ไม่ได้หมายถึง “กานต์” ไม่ทราบ “ซาย” โพสต์นกแร้งมาโต้

“ไม่ใช่ค่ะ (ฝ่ายหญิงก็โพสต์?) อันนั้นอาจจะเป็นความเข้าใจผิดของเขามั้งค่ะ ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก ก็อาจจะลงเพื่อตอบโต้หรือเปล่า เราก็ไม่ทราบ แต่เราก็ไปตัดสินไม่ได้ เพราะด้วยเขาเองก็ไม่ได้มาเขียนว่ารูปนั้นหมายถึงใคร เราไม่มีทางรู้ความจริงว่าเวลาเขาโพสต์อะไร มันหมายความว่ายังไงบ้าง เราไม่มีทางรู้อยู่แล้ว โมไม่มีความกังวลว่าในอนาคตจะมีไลน์อื่นๆ หลุดออกมาค่ะ ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะว่าเรามีของดีกว่า(หัวเราะ) บริสุทธิ์ใจที่จะออกมาชี้แจงค่ะ”

แนะฝ่ายหญิง “ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า” ส่งแชตไลน์เอง ก็กระทบความสัมพันธ์เอง

“จริงๆ แล้วไม่แนะนำดีกว่า เอาเป็นว่าสำหรับการอยู่ในวงการจะทำอะไร มันต้องคิดหลายๆ ขั้น หลายๆ ชั้นหน่อย ไม่ต้องดูใครหรอกค่ะ ดูโมเป็นตัวอย่างก็ได้ เมื่อก่อนโมเป็นคนทีไม่เคยคิดอะไรก่อนทำเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายคนที่เจ็บก็คือตัวเราเอง พูดตรงๆ นะ อย่างข่าวที่น้องซายเป็นคนส่งเอง ถามว่าในเมื่อน้องซายเป็นคนส่งเองแล้ว มันมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของน้องซายกับน้องกานต์มั้ย ก็มีไม่ใช่ไม่มี เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไร โมคิดว่าภาษิตไทยก็ยังใช้ได้อยู่นะคะ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า อันนี้ยังใช้ได้อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะรักความสัมพันธ์ของกันและกันจริงๆ ทั้งน้องผู้หญิงผู้ชาย จริงๆ ไม่ควรจะให้บุคคลที่สามเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่แรกเลย”

ยันเลิกแกล้งไม่ได้

“โมเลิกไม่ได้ เพราะว่าถ้าคนที่รู้จัก หรือว่าไม่จำเป็นจะต้องรู้จัก เอาง่ายๆ นะ อย่างข่าวที่ออกไป แทบจะทุกคนรู้ว่าโมแกล้ง ตอนนี้เขาก็ได้ขอโทษกันมาทั้งสองคนแล้วค่ะ”

ข่าวไม่กระทบ อยู่เฉยๆ น้องสองคนก็มางอแงใส่

“ข่าวนี้กระทบเราน้อยมากจริงๆ โมเป็นคนที่อยู่เฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีน้องสองคน มางอแงๆ แต่โมเป็นห่วงผลกระทบของน้องสองคนมากกว่า เพราะอย่างที่บอกว่าน้องก็ยังเด็กกันอยู่ค่ะ ยังมีอนาคตอีกไกล”