Inside Dara
ตุ๊ก ญาณี เปิดใจเลิกสามี รับมีส่วนทำให้รักจบเพราะไม่ยอมฟีเจอริ่ง

ใจอ่อนยอมมาออกรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ สำหรับอดีตพิธีกรมากความสามารถ ตุ๊ก ญาณี จงวิสุทธิ์ และงานนี้ขอเล่าถึงเรื่องราวความรักในชีวิตของตัวเองแบบหมดเปลือก เผยถึงสาเหตุที่เลิกรากับอดีตสามี แซม เซอร์จิโอ อาร์เมนิโอ และเปิดใจถึงความรักครั้งใหม่ของตัวเองในรายการดังกล่าว โดยตุ๊กเผยว่า

ตอนทำมาตามนัดก็ไม่คิดว่าดังนะ ตอนนั้นถูกด่าอยู่ 3-4 เดือน อ้วน ปากกว้าง น่าเกลียด บอกให้เปลี่ยนพิธีกร เพราะตอนนั้นอ้วนมาก 72 กิโลฯ ทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มผอม ผมยาว น้ำหนักเหลือ 46 กิโลฯ ตอนนั้นก็ท้อที่ถูกด่า ตอนนั้นโลกโซเชียลไม่มี ตอนนี้มีก็ไม่เล่น ไม่เห็นก็ไม่ทุกข์

ตอนนั้นบ้างานมาก ถ่ายหนังเสร็จ ก็ไปกำกับละครต่อ ทำงาน 7 วัน จนช่วงที่ไม่ค่อยมีงานแล้วคนมองว่าเป็นขาลง ก็ไม่ขนาดนั้นนะ ปีที่แล้วก็ละคร 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน คือขาลงแต่ก็ยังมีงาน แต่ปัจจุบันก็ต้องยอมเด็กรุ่นใหม่ ถ้าเราไม่ถอยแล้วเด็กจะเกิดได้อย่างไร เดี๋ยวนี้นางเอกสวยๆ เค้าเล่นเป็นแม่แล้ว บทมันก็ไม่ถึงเรา ถ้ามาถึงก็รับค่ะ ไม่ปฏิเสธเงินน้อย

ส่วนคนที่คิดว่าไม่มีงานเพราะเป็นคนที่ทำงานด้วยยากมาก ถ้าเป็นคนยากมากก็คงไม่ยืนอยู่จนถึงทุกวันนี้นะ เพราะอยู่วงการมาเกือบ 40 ปี ถ้าทำงานด้วยยากมาก ก็ไม่มีคนจ้างนะ แต่ก็จะแจ้งกองไว้ว่า ไม่ไปก่อน 10 โมงเช้านะ เพราะตอนเด็กๆ เราตื่นมาทำงานแต่เช้าแล้ว พอแก่แล้วขอเลือกได้มั้ย ก่อนจะรับงานก็จะถามเค้าว่าไปถึงกอง 10 โมงได้มั้ย พูดชัดเจนตั้งแต่ต้น และจะเลิกกี่โมงไม่ว่า

สมัยเป็นวัยรุ่น เป็นพวก แซ่บ ซ่า แต่ไม่แรด เพราะไม่มีผู้ชายมาให้ยุ่ง จะเป็นคนซ่าตั้งแต่เด็ก แต่พอเข้าบ้านก็ต้องเปลี่ยนกิริยา อยู่กับป้า 3 คน เดินผ่านหน้าห้องเดินดังไม่ได้ ป้านั่งดูทีวีก็ต้องคลานเข่า เพื่อนจะมาขอให้ไปเที่ยวก็ต้องคลานเข่าเข้ามาหาป้า ทัศนศึกษาไม่เคยได้ แต่พอออกนอกบ้านปุ๊บเป็นหัวโจกเลย สุดฤทธิ์ ทำทุกอย่าง เหมือนเก็บกดจากบ้าน แล้วไประเบิดข้างนอก

ตอนเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วน ได้กุหลาบเต็มเลยในวันวาเลนไทน์ รุ่นน้องให้ แต่มีความรักครั้งแรกคือตอนที่อยู่โรงเรียนเตรียมอุดม เป็นพี่ชายของเพื่อน เค้าพาเพื่อนมา ก็มีปั๊ปปี้เลิฟ และคนนี้แหละ ก็หลอกให้รอเก้อ เค้าบอกให้รอเพราะเค้าไปเรียนต่อต่างประเทศ ระหว่างนั้นก็รอไปเรื่อย เราก็เจอคนนั้นคนนี้ จนวันนึงเราไปงานรับงานอีเวนต์ที่กรมของเค้า ก็เจอกัน เค้าก็ไปแนะนำให้รู้จักภรรยาเค้า

ถามว่าตอนนั้นปรี๊ดมั้ย ไม่นะ แต่มันเป็นแบบคาใจ สมัยนั้นมือก็ไม่ได้จับ เหมือนมีตุ๊กตาแต่ไม่ได้เลย แต่ก็ไม่ถามเค้านะว่าไหนให้เรารอ และพอเข้าวงการก็ไม่มีคนในวงการกล้าจีบ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ และภาพที่คนเห็นมักจะจำภาพในรายการมาตามนัด หัวเราะปากกว้าง เสียงดัง ต่อล้อต่อเถียง

แต่ก็เคยมีความรักครั้งนึง คบหากันนานอยู่ เค้าก็มีคนของเค้าและเราโง่ เวลารักใครก็จะโง่ ไม่เคยตามสืบ ที่รู้ก็มีเพื่อนมาบอก กระจิบกระจอกข่าวมาบอกว่าเห็นแฟนเราเดินกับผู้หญิงคนนึง ดูดีด้วย ถ้าเรามีแฟนแล้วมีคนมาบอกว่าเค้าซื้อกิน เราไม่สน เพราะมันคนละแบบกับเรา แสดงว่าเค้าไม่จริงจัง แต่ผู้หญิงคนนั้นระดับเดียวกันก็มีคิดมาก เคยเจอแบบจังๆ แต่ก็ทำได้แค่ตกใจ และเลิกกันหลายครั้ง เพราะเค้าบอกว่าเค้าเลิกกับคนนั้นแล้ว ก็กลับมาคบกันอีก

แต่วันนึงไปสระผมที่ร้าน ไปกับแฟนเรา แล้วสระผมอยู่ ลืมตามาเจอผู้หญิงคนนั้น เค้ามาแสดงตัว ก็ตกใจแล้วเค้าก็ตกใจ และผู้ชายก็หายไปแล้ว แต่ก็ไม่เข็ด พอเค้ามาง้อด้วยดอกไม้ช่อใหญ่เป็นควายอีกครั้งก็ใจอ่อน คืนดี ก็เจออีก เป็นผู้หญิงคนเดิม ขับรถไปบ้านแฟนแถวสุขุมวิท เห็นรถจำได้ก็ไปกดออด ผู้หญิงคนนั้นเดินมาเปิดประตู เค้าเข้านอกออกในบ้านเค้าได้ แสดงว่าเค้าไม่ธรรมดา แม้เราจะเคยไปบ้านเค้าบ้าง

ก็เลยเรียกแฟนมา และขอกุญแจอพาร์ตเมนต์คืน และเค้าก็พยายามง้อ โดยมีพี่ต้อย เศรษฐา ช่วยง้อ แต่เราไม่ยอมคืนดีในครั้งนี้ เพราะมันหลายครั้งแล้ว อย่าโง่ นรกอยู่ตรงนี้แล้ว เพื่อนถึงขั้นนัดให้คืนดี แต่เราไม่เอาแล้ว ที่เพื่อนอยากให้คืนดีเพราะเค้าอาจจะเป็นคนดีในแง่นึง แต่แง่นี้เค้าไม่ดี ความรักครั้งนี้ก็สอนให้รู้ว่าอย่าโง่

พอมาเป็นโสดก็ซ่าเต็มที่ เที่ยว แดนซ์ ดริงก์ เต็มที่ เคยคบกับรุ่นเด็กกว่า 8 ปี แซ่บมั้ย พอเค้าไปเรียนต่อ ก็ต้องคุยโทรศัพท์กันให้เค้าโทรมาหา วันนึงเค้าโทรมาถามว่าทำไรก็บอกไม่ได้ทำไร อยู่บ้าน เสร็จก็ไปเที่ยวดันเจอกัน เพราะเค้ากลับมาแล้วไม่บอกเรา เค้าไม่ได้โกรธ ไม่ทำร้าย แต่เค้าตัวใหญ่มาก ก็เรียกไปคุย แล้วพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ และ แดง ธัญญา เห็นเหตุการณ์ และรีบเข้ามาเพราะกลัวว่าเราโดนทำร้าย แต่เค้าไม่ได้โกรธนะ เค้าแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงต้องโกหก ถามว่าชอบเที่ยวมากมั้ย ก็ทุกครั้งที่มีโอกาสก็เที่ยว

สมัยที่ทำรายการมาตามนัด ก็ชวนกันไปกินข้าว ก็ไปกินข้าวแถวพัฒน์พงศ์ ไปประจำนั่งกินข้าว จนมีวันนึงพนักงานส่งเหล้ามาให้ และเป็นเหล้ากับน้ำไม่ใช่โซดา แสดงว่าเค้าต้องละเอียดมากถึงได้รู้ว่าเราดื่มแบบนี้ พอลองดื่มแล้วโอเคนะ ก็เลยถามพนักงานว่าคนไหน แต่เค้ากลับไปแล้ว เป็นแบบนี้หลายครั้งที่ไป แต่หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มแสดงตัว ปรากฏโฉม เค้าก็พนันกับฝรั่งในนั้นว่าใครจะจีบติด คนนั้นคนนี้ก็ส่งมาให้ ฮอตมาก แต่เค้าไม่รู้ว่าเราเป็นดาราดัง ถ้าเค้าดูมาตามนัด เห็นปากกว้างขนาดนั้นก็ไม่กล้าแล้วมั้ย

คนนี้เค้าอายุน้อยกว่า ห่างกับเรา 5 ปี เค้าเป็นคนมีเสน่ห์ มีจิตใจดี สังคมครอบครัวของคนอิตาลีคล้ายคนไทยนะ เรามีความชอบเหมือนกัน ชอบฟังเพลง มันคุยกันรู้เรื่อง ตอนที่เค้าขอเป็นแฟนก็มีการเซอร์ไพรส์ร้องเพลงตอบตกลงเค้าด้วย คบกัน 2 ปีก่อนแต่งงาน ตอนนั้นใส่ชุดแต่งงานกระโปรงสั้น เปรี้ยวมาก งานแต่งสนุกมาก

การที่เป็นคนต่างภาษาไม่มีปัญหากันเลย เค้าก็รักครอบครัว เป็นคนอบอุ่นมาก แต่งงานตอนอายุ 33 มีลูกตอนอายุ 34 ตอนนั้นก็ทำธุรกิจร้านอาหารสิ่งเร้าก็เข้ามาเยอะ เพราะร้านมันดังมาก จะเข้าร้านเฉพาะแค่ตอนเพื่อนมา แล้วสิ่งเร้าสวยมาก หุ่นดี ก็เลิกไป แยกกัน กระจิบมาบอกเราถึงได้รู้เรื่อง และได้เห็นกับตา ตอนนั้นแฟรงกี้ก็ยังเด็กอยู่ มารับลูกไปเที่ยวได้เต็มที่ ถามว่าเค้าพยายามง้อมั้ย คือตอนนั้นเค้าหลงมาก ไปเที่ยวต่างประเทศกัน ถามว่าเสียใจมั้ย ผัวมีคนอื่นก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา

มุมอ่อนแอเราก็มี อยู่กับเพื่อนๆ มาเฮฮาปาร์ตี้กัน ร้านก็ยังเปิดต่อ เค้าก็ดูครัว ก็เห็นกันบ่อยๆ เราก็สวยขึ้น ทำให้ตัวเองดูดีขึ้น ต้องสวย ออกทำงานตามปกติ วันไหนที่ทุกข์ที่สุดจะเป็นวันที่ตลกที่สุด เอาพลังมากลบตรงนี้ ถามว่าอยู่คนเดียวร้องไห้บ้าง ก็ต้องหาอะไรให้ตัวเองทำ และตอนนั้นเราก็สวยขึ้น เพราะเค้ามองมาที่เราตลอด ถามว่าทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเพราะอะไร หนึ่งทำเพื่อตัวเอง สองเวลาที่เค้าเห็นเราจะได้พูดคำว่าสมน้ำหน้า

แล้วเค้าก็กลับมาขอคืนดีในช่วงปีกว่า แต่เราก็ให้โอกาสเค้า แต่ขอเวลาดูใจเป็นปีเหมือนกัน แล้วค่อยเรียกกลับบ้าน เราสามารถกลับมาเป็นครอบครัวด้วยกันอีกครั้ง อยู่ด้วยกันก็ไม่พูดถึงเรื่องเก่า จะไม่ย้อน จะเริ่มต้นใหม่ไปเริ่มลบไฟล์นั้น ถ้าลืมไม่ได้ก็อย่าไปรับเค้ากลับมา แต่อยู่ๆ วันนึงเค้าก็กลับมาบอกว่าเค้าไม่ได้รักเราแล้ว ตอนนั้นกลับมาอยู่ด้วยกัน 6 ปี

ตอนนั้นเปิดร้านหลายสาขา เค้าก็ต้องไปดูร้านตามสาขาที่ต่างจังหวัด แต่เพื่อนๆ ก็บอกให้ตามไปดู แต่ก็ไม่เคยดู แล้วเพื่อนก็มาบอกข่าวเห็นที่นี่ที่นั่น แต่ไม่ได้สนใจอะไร จนเค้าไปส่งลูกเรียนที่ออสเตรเลีย แล้วก็มานั่งคุยกันที่ระเบียงแล้วเค้าก็บอกว่าเค้าไม่ได้รักเราแล้ว เหตุผลคือเราไม่เคยกินข้าวด้วยกันเลย คือเวลากินข้าวกัน ลูกกับสามีก็นั่งกิน แต่เราก็จะเก็บเช็ดเพราะว่าเป็นโรคจิตไง เพราะเรายังไม่หิว ก็ไม่กิน และไม่กินอาหารอย่างนี้ เป็นคนกินจู้จี้ มีปลามั้ย ปลาทอดไม่กินนะ เราก็เข้าใจ

แต่เหตุผลที่ลึกกว่านั้นคือ พอโทรบอกเพื่อนรัก สามีเพื่อนรักบอกว่าสามีที่เลิกกับเมียไม่มีอะไรหรอก แค่เพราะมีคนใหม่เท่านั้นเอง แล้วมันก็เป็นจริง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เห็นแต่มีคนมาบอก พอเค้าพูดเสร็จเราก็โอเค ก็บอกให้เค้าออกไป เค้าก็ออกไป เราก็ช็อกอยู่นะ แล้วเพื่อนๆ ก็มาหาที่บ้านแล้วก็ร้องไห้ จากวันนั้นก็ไม่ร้องไห้อีกเลย

ยอมรับนะว่าเราก็บกพร่องเวลาเค้าไปต่างจังหวัดก็ไม่ไปกับเค้า ปล่อยเค้าไป บางทีเค้าอาจจะเหงา ถามว่าทำไมไม่ตามไม่เช็ก เพระามั่นใจและไว้ใจ และความมั่นใจที่ทำร้ายเรา ไม่ไปไหนแน่ อยู่ในมือเราแน่ๆ เพราะตัวเราเองเวลารักใครก็ต้องให้ความไว้ใจและมั่นใจ

เรื่องบนเตียงก็มีผลค่ะ เพระไม่ชอบฟีเจอริ่งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ไม่ชอบฟีเจอริ่งเลย ชอบการกอด ชอบการจูงมือแค่นี้ก็ฟินแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมไม่ชอบ แต่ผู้ชายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเค้าไม่ฟีเจอริ่งกับเราจะให้เค้าไปทำกับใคร ให้ทำกับตัวเองมันก็ไม่ไหว วิธีปฏิเสธก็มีบอกเค้าง่วง ไม่ก็อยู่กันคนละห้อง ก็ยอมรับว่าเราเปิดช่องให้เค้าทำ เป็นข้อบกพร่องของเรา

ถ้าย้อนกลับไปได้จะยอมทำในสิ่งที่เราไม่ชอบเพื่อทำให้ชีวิตแต่งงานอยู่รอดมั้ย คือตอบไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเราก็พยายามแล้ว แต่มันจะมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้าเค้าไปซื้อบริการเราโอเคกว่าที่จะมีเป็นตัวเป็นตนแล้วทำให้ครอบครัวพัง ตอนที่หย่าก็ไม่ได้บอกแฟรงกี้ เพราะเค้าอยู่เมืองนอกตอนนั้นเค้าอายุ 17 ปี ตอนนั้นขอสื่อ 1 ที่ไว้ว่าอย่าลงข่าวเตียงหักเพราะอยากให้ลูกรู้จากปากของเราเอง ที่อื่นลงกันเยอะแยะ แต่ที่นี่ไม่ลง จนเค้ากลับมา ก็เล่าเรื่องให้เค้าฟัง เค้าเดินมาลูบไหล่ ตบไหล่ แล้วเค้าก็บอกว่าเค้ารู้มานานแล้ว เราก็ตกใจมาก

เค้าก็เลยบอกว่าเวลาเค้าดูทีวีกับพ่อ เวลาโทรศัพท์จะออกไปนอกห้อง เค้ารู้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรนะ แต่แยกกันไปก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่ดี เพราะแฟรงกี้ก็มีช่วงที่ซ่าแต่เค้ากลัวพ่อ ถามว่ารักครั้งนี้สอนอะไรกับเรา มีแฟนมีสามีไม่ต้องไปดีกับเค้ามาก เพราะจะดีแค่ไหนถ้าเค้าจะเลิกภาพความดีมันจะหายไปหมดเลย ความดีที่ทำมาเค้าจะลืมไปหมดเลย

ถามว่าเข็ดกับความรักมั้ย ไม่เข็ด (หัวเราะ) ตอนนี้สถานภาพตอนนี้ก็คุยๆ กันค่ะ คุยมา 7 ปีแล้ว หลังจากที่เลิกกับคนนั้นก็เปิดโอกาสให้ตัวเอง มาเจอคนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน พึ่งพากัน ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน เพราะต่างฝ่ายต่างเคยมีครอบครัวมาแล้ว คนนี้เด็กกว่าอีกแล้ว (ยิ้ม) กับคนนี้เราเห็นกันมานานมาก ก่อนจะมีสามี พอเราผ่านเหตุการณ์นั้น เราก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

เด็กผู้ชายเค้าก็หวงแม่นะ เราก็ต้องระวังเรื่องนี้นิดนึง ก็ให้ลูกเรียกเค้าว่าอา เค้าก็ค่อยๆ เข้ามาแทรก เงินง้างได้ เค้าชอบเอาเงินให้ลูกเราไปเที่ยวกับเพื่อนเวลากลับมาจากเมืองนอก (หัวเราะ) เค้าก็เริ่มรัก ถามว่าคาดหวังกับความรักครั้งนี้มั้ย ไม่คาดหวังนะ เพราะคนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันถ้าอยากเริ่ม คนที่ใช่ยังไงก็ใช่

ถามว่าเป็นคุณแม่แบบไหน เลี้ยงหมายังเสียหมา (หัวเราะ) แต่เราขอเค้าเรื่องยาเสพติด กิริยามารยาท ขอนิดนึงนะ เดี๋ยวเค้าหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไม่หวงถ้าเค้ามีแฟน แต่ห่วงเพราะเค้าเป็นคนจิตใจดี และเค้าเป็นคนอ่อนไหว ตอนนี้เค้าอายุ 23 ปีแล้ว อยู่บ้านเราทะเลาะกัน แต่พอคุยโทรศัพท์กันบอกรักกัน คุยกันดี เวลาที่เค้าอยู่ไกลๆ เค้าก็ว้าเหว่เหมือนกัน กำลังใจคือสิ่งที่ดีที่สุด เวลาเค้าสอบตกโทรมาหาก็ให้กำลังใจเค้า แต่เราน้ำตาไหล เพราะสงสารลูก