โลดแล่นในวงการบันเทิงพักใหญ่จนเหมือนชีวิตจะลงตัวแล้ว สำหรับสาว ฝ้าย-เวฬุรีย์ ดิษยบุตร นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดโดยการคว้าตำแหน่งชนะเลิศเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2014 แต่ด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงเกี่ยวกับตัวเธอในตอนนั้นทำให้ ฝ้าย ตัดสินใจสละมงกุฎและเปลี่ยนทิศทางชีวิตมาเอาดีด้านการแสดง โดยเจ้าตัวมีงานละครออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เช่น เรือนริษยา,นางบาป, มงกุฎริษยา, เชลยศึก ฯลฯ
"ส่วนเรื่องแฟน เป็นเรื่องที่ขำมากเลย คือ อย่างที่บอกว่าฝ้ายเข้าฉากวันแรกก็เลิฟซีนเลยเราก็ตื่นเต้น เราก็ส่งรูปไปให้เขาดูแต่ปรากฏว่าเขาอ่านไลน์แต่เขาไม่ตอบเลย เงียบไปเลยเราก็ใจหายกลัวว่าเขาโกรธหรือเปล่า เราก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย ทำเหมือนว่าไม่เคยส่งอะไรไปให้ดูแล้วกัน (หัวเราะ) แต่จริงๆ ก่อนเราจะทำอะไรเราก็บอกเขาตลอดนะ ก่อนหน้านี้เขาถามว่าต้องเล่นขนาดไหนเราก็บอกไปว่าไม่ต้องคิดมาก เราเองก็ทำตามหน้าที่ซึ่งเขาคงเข้าใจ"
อยู่กับคำวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ก้าวเข้าวงการ ฝ้ายมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ยังไง?"ปลงค่ะ (หัวเราะ) เพราะฝ้ายโดนมาเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าวิจารณ์มาเถอะไม่เป็นไรหรอกเพราะเราก็ใช้คำวิจารณ์เป็นกระจกสะท้อนเรา เพราะบางทีเรามองไม่เห็นว่าตัวเราเป็นยังไง คนที่เขาพูดถึงเราก็แสดงว่าเขาสนใจเรา เราก็นำคำวิจารณ์มามองตัวเองว่าเป็นแบบนั้นหรือเปล่าแล้วต้องแก้ไขพัฒนาตรงไหนบ้าง แรกๆ ก็จะโดนวิจารณ์หลักๆ เลย คือ"ไม่สวยเลย" "อ้วน" "เล่นไม่ดี" แต่เอาจริงๆ เรามองตัวเองเราก็รู้นะคะว่าจากเรื่องแรกที่ไม่มีประสบการณ์เลย ยังเล่นไม่ได้จริงๆ ร้องไห้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียวจนมาถึงตอนนี้เราก็ได้พัฒนามากขึ้นค่ะ"
"หลังจากฝ้ายจบจากเวทีประกวดและผ่านกระแสต่างๆ มาจนถึงวันนี้ฝ้ายรู้สึกว่าความคิดของฝ้ายเปลี่ยนไปและโตขึ้นมากแบบก้าวกระโดดเลย ความคิดตอนประกวดนางงามกับตอนนี้คือคนละเรื่องเลย ถ้าย้อนกลับไปถามว่า จะสละมงกุฎไหมคิดว่าคงไม่นะ (หัวเราะ) เพราะเหมือนตอนนี้เราเข้าใจโลกมากขึ้นจริงๆ"
"ตอนนั้นยังเด็กมากอายุแค่ 23 ย้อนกลับไปคิดรู้สึกว่าตอนนั้นคิดอะไรนะ ทำไมฉันอ่อนแอขนาดนั้น ทำไมฉันต้องร้องไห้เบอร์นั้น (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เรามีเกราะป้องกันจิตใจเยอะขึ้น เข้าใจมากขึ้นว่าคนที่เข้ามาวิจารณ์เราเขาคิดอะไรอยู่ รวมทั้งเรารู้จักที่จะปลงมากขึ้น แต่ตอนนั้นเรากลัว เราตกใจทุกอย่างเลย"
ฝ้าย ตอนประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2014"ตอนนั้นเราแบ๊วมาก (หัวเราะ) ถามว่าแข็งแกร่งไหมก็แข็งแกร่งในระดับหนึ่งนะคะ แต่ว่าฝ้ายสงสารพ่อแม่ที่ต้องมาคอยรับอะไรพวกนี้ไปพร้อมเรา เฉพาะตัวฝ้าย ฝ้ายไหวอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย ด่าฝ้ายฝ้ายโอเค แต่ด่าไปถึงบุพการีฝ้ายไม่โอเคและอีกเรื่องที่กลัวคือกลัวโดนทำร้ายด้วย"
จริงไหมที่เราสละมงกุฎเพราะโดนขู่ฆ่า?"ใช่ๆ คือ ตอนนั้นเขามาพิมพ์ว่า "ไม่อยากให้คนนี้เป็นตัวแทนไปประกวดเลยทำยังไงดี?" ก็มีคนเข้ามาตอบกลับว่า "งั้นทำให้ประสบอุบัติเหตุดีไหม จะได้ไปประกวดไม่ได้ ในเมื่ออันดับหนึ่งไปไม่ได้ก็ให้อันดับสองไปแทน" แล้วก็มีเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันรุนแรงอีกหลายอย่างมากว่าจัทำนั่นทำนี่ ฝ้ายเลยรู้สึกว่าเยอะเกินไปแล้ว กลัวไปหมดเลย แล้วเป็นคนดูละครเยอะ ถ้ามีใครเอาน้ำกรดมาสาดจะทำยังไง (หัวเราะ) สาเหตุนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รู้สึกว่าเราพักก่อนเลยตัดสินใจคืนมงกุฎ อันดับสองคือห่วงพ่อแม่ค่ะ แต่ถามว่าใจเราสู้ไหม ใจเราสู้นะ อยากไปประกวดเพราะเราอยากพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้เหมือนกัน สิ่งที่คนวิจารณ์มาตอนนั้นเป็นเรื่องในอดีตที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้เราก็อยากทำให้เห็นว่าเราทำได้ แต่ว่าเราก็ต้องป้องกันตัวเองก่อนก็เลยหยุดค่ะ (หัวเราะ)"
ฝ้าย เวฬุรีย์ช่วงนั้นนอกจากโดนคนภายนอกบูลลี่แล้วยังเจอเหตุการณ์คนที่ไว้ใจร้ายที่สุดด้วย
"ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ฝ้ายจิตตกที่สุดในตอนนั้น คือ เหมือนเราเล่าเรื่องบางเรื่องให้คนคนหนึ่งฟัง แต่กลายเป็นว่าเรื่องนั้นหลุดออกมา และหลุดออกมาจากคนคนนั้น ตอนนั้นจิตตก ปิดการติดต่อทุกทาง ใครโทรมาก็ไม่รับ ไม่คุยกับคนอื่นเลยอยู่แต่กับพ่อแม่ กลายเป็นว่าเราช็อกที่ว่าเราไว้ใจใครไม่ได้เลยทำให้เรารู้สึกแย่กว่าโดนคนด่าซะอีก"
หลังจากสละตำแหน่งเหมือนได้ชีวิตใหม่เลยหรือเปล่า?"สละตำแหน่งแล้วทุกอย่างจบเลยค่ะ (หัวเราะ) งงมาก แต่ขอบคุณทุกคนที่หยุด ไม่ได้ตามด่าเราต่อเพราะเหมือนเขาได้สิ่งที่เขาต้องการ คือ เราสละตำแหน่งค่ะ หลังจากเวทีนางงามก็ก้าวเข้าสู่การแสดง ถามว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองไหม เอาจริงๆ ก็เป็นฝ้ายคนเดิมค่ะ แต่อาจจะระมัดระวังเรื่องการวางตัวมากขึ้น จากที่เราได้รับบทเรียนในอดีต และเราพยายามพัฒนาตัวเองในหน้าที่ของเราทุกๆ อย่างและด้วยความที่เรามีเป้าหมายหลักตั้งแต่แรกว่าเราอยากมาอยู่ตรงนี้ เพราะฝ้ายมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นนักแสดงดังนั้นฝ้ายก็ทำเต็มที่ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในวงการได้แบบสบายใจมากขึ้นไม่ได้เกร็ง หรือกลัว เพราะเราเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วค่ะ"
พักเรื่องงานมาคุยเรื่องความรักกันสักหน่อย"ฝ้ายกับแฟนคบกันมาเกือบ 6 ปีแล้ว เขาเป็นนักธุรกิจค่ะ อายุเท่ากัน ได้มาคบกันเพราะอินสตาแกรมเลย เริ่มจากเขาเข้ามาถล่มไลก์ไอจีฝ้ายก่อน เราก็ไปไลก์กลับก็เลยได้คุยกัน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นไปได้เพราะเราอยู่ไกลกันมากพอคุยกันแล้วเราเข้ากันได้ ก็เลยยาวมาเกือบ 6 ปีแล้ว แต่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะเขาทำงานอยู่ต่างประเทศ เราเหมือนต่างคนต่างใช้ชีวิต เราเคยไม่คุยกันเป็นอาทิตย์เลยนะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทะเลาะกันแค่ไม่ได้คุยเฉยๆ เขาก็ทำงานมีภาระเยอะ เราก็ทำงานกลับบ้านนอน แต่ต่างคนต่างเข้าใจกัน พอเราได้มาคุยกันมันกลายเป็นว่าเรามีเรื่องให้คุยกันมากขึ้น มีอะไรเล่าให้กันฟังมากขึ้น รวมทั้งเป็นห่วงกันมากขึ้น คือ เรายังนึกถึงกันตลอดเวลาแต่ด้วย เวลาที่ไม่ตรงกัน ภาระหน้าที่ของเราทั้งคู่ก็เหมือนเราต่างไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ทุกอย่างยังดีเหมือนเดิม"
ฝ้าย เวฬุรีย์ และ คริส แฟนหนุ่ม"เคยถามว่าทำไมถึงมาเริ่มจีบ เขาบอกว่าเพราะเราไม่สวย (หัวเราะ) ถ้าเราเป็นแฟนเขาเขาก็จะไม่เครียดว่าจะมีคนมาแย่ง เขาก็จะเป็นคนไม่ค่อยชม ชมทีนึงเราแทบร้องไห้ เพราะนานๆ ทีจะชม แล้วเขาเล่าให้ฟังว่าตอนแรกเขาดูคลิปที่ฝ้ายสละมงกุฎเขาก็บอกว่าสงสารคนนี้จังก็เลยหาไอจี ก็เลยเกิดเหตุการณ์ถล่มไลก์กันนั่นแหละค่ะ"
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012