Inside Dara
ไฮโซซูซี่ พูดแล้ว! สาเหตุแท้จริงเลิก วิทย์ ภูธฤทธิ์

รายการ “คลับฟรายเดย์โชว์” ทางช่อง GMM25 3 พิธีกร ดีเจพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา, ดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล, อั๋น ภูวนาท คุนผลิน พูดคุยกับไฮโซสาววัย 73 ปี ซูซี่ หทัยเทพ ธีระธาดา ถึงเรื่องราวความรักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งความรักกับ อ๊อด จิรทัต ธีระธาดา อดีตสามีแสนดีผู้สมถะ รวมถึงความรักทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ กับนักแสดงหนุ่มเข้ม วิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล ที่จบลงไม่สวยและเกิดกระแสดราม่าในเวลานี้ และความรักครั้งล่าสุดกับ แก๊ป หนุ่มคนใหม่ที่อายุห่างกันถึง 36 ปีด้วย

ถามถึงเรื่องความรัก ถ้าพูดเรื่องสเปกผู้ชายที่เราชอบ?

“สเปกอย่างแรกก็ความหล่อ ต่อมาศึกษาเรื่องความดี ถ้าไม่มี ความหล่อก็หมดไปเลย หมดคุณค่าด้วย”

ตอนสาวๆ มีคนจีบเยอะไหม?

“เยอะมากเพราะเราเฟรนด์ลี่ ไม่ได้ปิดกั้นตัวว่าต้องคุยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง เราก็มีเพื่อนผู้ชายเยอะพอสมควร”

มีคุยพร้อมกันไหม?

“ก็มีคุยพร้อมกันหลายคนบ้าง สมัยเรียนก็มีคนเข้ามายืนรอ 2-3 คน ก็ชวนทานข้าวพร้อมกันเลย ไปดูหนังก็ไปด้วยกัน เราก็คิดว่าทุกคนเป็นเพื่อนกัน เคยคบพร้อมกันประมาณ 3-4 คน แต่คบในฐานะเพื่อน ไปทานข้าวด้วยกัน ถ้าเราจะปักใจแค่คนเดียวคือเราเลือกแล้วก็ไม่เอา เพราะเราไม่ยอมเป็นผู้หญิงโง่ที่รักผู้ชายคนเดียวแล้วอกหัก เรายังมีช้อยส์เลือกเยอะ”

เคยจริงจังกับใครไหม?

“ที่ผ่านมาไม่เคยจริงจังกับใครเลย แต่คนที่พี่รักเขาเนี่ยพี่เจอตั้งแต่ 3 ขวบแล้ว เคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแล้ว แล้วไปเจออีกทีตอนอายุ 13-14 ปี เขาเป็นนักเรียนวชิราวุธ พอถึงเสาร์อาทิตย์ก็ฝากขนมไปให้เขา ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกัน การที่เราเป็นเพื่อนกันมันคบกันได้นานกว่า ตอนนี้เขาก็มีครอบครัวที่ดี”

แล้วความรักกับคุณพ่อของลูกชายทั้ง 2 คนล่ะ?

“ตอนนั้นก็ไปเจอคุณอ๊อด ช่วงนั้นเขาเกิดปัญหาเรียนไม่จบ เราก็บอกว่าเรียนที่นี่ยังไงก็ไม่จบ เขาก็ไปเรียนต่างประเทศ เราก็ไปอยู่ด้วยโดยไปหางานทำที่นั่น แล้วก็แต่งงานด้วย แต่งงานไม่ถึง 1 เดือนก็ไปอเมริกาคนเดียว เราไปหาโรงเรียนให้เขาก่อน แล้วตอนนั้นก่อนแต่งงานเขาก็ถอดนาฬิกาที่เขาใส่ประจำแล้วบอกว่าถ้าอยู่เมืองนอกแล้วลำบากก็เอาไปขายนะ แต่เราไม่ขายหรอก เราซึ้งในน้ำใจเขา พอเราไปแล้วกลับมาก็เอาไปคืนเขา

ตอนหลังไปสมัครกรีนการ์ดแล้วก็ไปสมัคร World Bank แล้วได้ สุดท้ายก็ได้ไปทำงาน World Bank แล้วก็ทำงานพาร์ทไทม์ ตอนนั้นก็ไปหาโรงเรียนให้อ๊อด สามีด้วย และก็ยังหารถให้เขาขับ ส่วนเรานั่งรถเมล์ไปทำงาน และเมื่อมีลูกชายทั้ง 2 คน คือดุ๊ก (ภารไดย ธีระธาดา) และดอน (ภานุทัศน์ ธีระธาดา) ก็เกิดและเติบโตที่อเมริกาทั้งหมดเลย”

แต่ชีวิตครอบครัวก็เกิดการแตกหัก มีการหย่าร้าง?

“เพราะพี่เป็นคนสุรุ่นสุร่าย เขาเป็นคนสมถะ ซึ่งเขาเป็นคนดี สอนลูกในทางที่ถูกต้อง คือตอนนั้นเขาอยากให้ลูกไปเรียนโรงเรียนรัฐ ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับ 1 แต่เราอยากให้ลูกไปเรียนโรงเรียนเอกชนดีๆ แบบไพรเวท คือต้องเนี้ยบตั้งแต่เด็ก เราไม่อยากให้ลูกด้อยกว่าคนอื่น ก็หาของแบรนด์เนมให้ หารถดีๆ ให้ เขาก็บอกว่ามันสุรุ่ยสุร่าย เราก็เห็นด้วย ก็เลยบอกเขาว่างั้นเราหย่าเพื่อแบ่งเรื่องการใช้เงินว่าต่างคนต่างใช้ ฉันจะใช้อะไรก็เรื่องของฉัน แต่ยังอยูบ้านเดียวกันเพราะว่าไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย”

ถึงหย่ากันแล้วก็ยังใช้นามสกุลเขาอยู่?

“คือด้วยความที่เขาไม่รังเกียจพี่ เขาก็ยังให้พี่ใช้นามสกุลนี้อยู่ พี่อยากใช้นามสกุลเดียวกับลูกตลอดไป”

บ้านที่อเมริกาตอนนี้ยังอยู่ไหม?

“ตอนนี้ไม่อยู่แล้วเพราะว่ามันต้องมีคนดูแลเยอะ เพราะบ้านก็มีเป็น 10 ห้อง ความกว้างก็เกือบ 12 ไร่ ตอนหลังคุณดอนก็ย้ายแล้วก็ขายบ้านหลังนั้นไป”

แล้วความรักครั้งต่อมาหลังจากนั้น ถือเป็นความรักที่ยาวนานเหมือนกัน?

“ก็ห่างจากครั้งนั้นพอสมควร ก็เจอกันที่เมืองไทย ตอนนั้นเขาใส่สูททักซิโด้กำลังทานข้าว พอทานเสร็จก็มาแบบถุยอะไรไม่รู้ แต่เรารู้สึกว่าเขาน่าสนใจ ตอนแรกก็เป็นเพื่อนกันแล้วก็ค่อยๆ เป็นความรักที่ไม่รู้ตัว ก็น่าจะเป็นความรักที่ยาวนานพอๆ กับคุณอ๊อดค่ะ พี่ก็พาเขาไปเจอสามี คือเราหย่าแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะมีคนอื่น แต่เราก็สังเกตว่าคุณอ๊อดยังมีความรู้สึก เราก็รู้สึกไม่ดี แล้วตัวเขาไม่เคยคิดจะมีคนอื่น เขาเป็นสามีและพ่อที่สุดยอด พี่ก็เลยสั่งทำเทียนแพอย่างดีแล้วไปกราบชอขมาเขา เขาก็ร้องไห้ แต่มันสายไปแล้ว”

น่าจะพูดได้ว่าเราเป็นคนที่เขารักที่สุด?

“น่าจะยังงั้น ผู้หญิงคนไหนที่เป็นผู้หญิงของเขาถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด แต่ว่าอยู่กับเขาต้องสมถะ (ยิ้ม)”

กับความรักครั้งนั้นมีความต่างวัยสูงมาก มีปัญหาไหม?

“ไม่มีนะ กับคุณอ๊อดเขาก็อายุน้อยกว่า พี่คิดว่าเวลาพี่อยู่กับคนอายุน้อยกว่าเราเล่นได้ สนุกสนานได้ อายุก็ห่างประมาณ 24 ปี แต่เราไม่รู้สึกต่าง เขาเป็นคนชอบของโบราณ เวลาไปดูหนังก็ชอบหนังแอ๊กชั่นเหมือนกัน ก็เลยไปกันได้”

ตอนนั้นกลัวโดนหลอกไหม?

“พี่เชื่อว่าพี่ไม่โดนใครหลอก พี่พิจารณาดีว่าเขาเข้ามาในรูปแบบไหน พี่มองว่าไม่ได้มีใครมาหลอกพี่หรือเกาะพี่เลย การที่เขาไปดูงานกับพี่ด้วย พี่ถือว่าเขามาร่วมทำงานกับพี่ จะถือว่าเขามาเกาะกินเราไม่ได้ เขาดูแลเราทุกอย่าง ทั้งเรื่องอาหาร แม้แต่เรื่องยาเขาก็ดูแล

แต่เสียงนกเสียงกาเราก็ห้ามไม่ได้ แต่การที่เราอายุแตกต่างกันมันไม่สำคัญ สำคัญที่ใจเราจูนเข้าหากันได้ไหม ถ้าคุณฟังแต่เสียงรอบข้างคุณก็อยู่ไม่ได้ ความคิดคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า ความคิดของคุณแคบรึเปล่า เราไม่แคร์ เราต้องกล้าเปิดเผยและไม่อายคน”

แล้วมีคุยเรื่องแต่งงานไหม?

“ไม่คิดจะแต่งงานอีกเลย ใครที่เข้ามาในชีวิตจะไม่มีการแต่งงานอีกแล้ว เราก็ถามเขาทุกปีว่ามีความสุขไหม อยากจะแต่งงานมีใครรึเปล่า เราก็ควรจะปล่อยให้เขามีชีวิตของเขาเองบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว แต่เขาก็บอกว่าเขายังไม่อยากมีใคร

แต่เราก็มีเซ้นส์แปลกๆ เกี่ยวกับแม่บ้าน ตอนนั้นแม่บ้านเขาทำท่าแปลกๆ แถมยังมีการดัดฟัน เอารถมาขับเองทั้งที่เขาเป็นแค่แม่บ้าน พอเราเริ่มสงสัย วันรุ่งขึ้นก็ลาออก แล้วหลังจากนั้นก็มีเบอร์แปลกๆ ติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ เขาก็บอกว่าโทรผิด แต่ตอนหลังเราก็เอาเบอร์แปลกๆ พวกนั้นมารวบรวมดูแล้วโทรกลับไป ถึงได้รู้ความจริง ก็เลยขอแยกทางกับเขา

เขาก็ไปอยู่วัดที่ต่างจังหวัด แล้วตอนที่เราไปทำพิธีเททอง เขาก็หาบทองออกมาเอง แล้วตอนนั้นได้เจอพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็เลยเตือนสติให้อภัย เราก็โทรปรึกษาดอน เขาก็บอกว่าถ้ายังรักกันก็ให้อภัย แล้วตอนนั้นเขาก็กลับมา เขาก็ไปบวช ช่วงนั้นก็เลี้ยงหมาด้วยกันค่ะ”

ความรักครั้งนี้ค่อนข้างเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ตอนรักก็ฮือฮามาก แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนทำให้ต้องจบความสัมพันธ์?

“ความรักก็ดีมาเรื่อยๆ จนต้องบอกว่าเทคโนโลยีมันแอดวานซ์ขึ้น อยู่ๆ มีคนส่งไลน์มาให้พี่ซึ่งพี่ไม่รู้จัก เขาใช้ชื่อว่า Nature เขาส่งมาบอกว่าอยากรู้เรื่องผู้หญิงคนใหม่ไหม เราก็ถามว่าทำไมเหรอ เขาก็ส่งรูปต่างๆ และบอกรายละเอียดว่าเป็นยังไง เราก็เอ๊ะ เป็นใคร ทำไมมีเรื่องราวละเอียดนาดนี้ ทำไมเขามีรูป แปลว่าเขาต้องอยู่ใกล้ชิดแน่ๆ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ใจตกไปถึงตาตุ่มเท่าไหร่

จากนั้นมีเฟซบุ๊กเข้ามาอีก ซึ่งอันนี้น่าจะใช่ เพราะมันมีภาพนึงที่ผู้หญิงใส่แหวนที่เราตั้งใจจะเอาไปให้ดอน เรารู้สึกว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเอาของไปให้ใครเพราะเราก็ทำงานด้วยกัน แต่ถ้าจะเอาอะไรก็ให้ขอ ซึ่งตอนนั้นเรารู้ว่าแหวนหายแต่ไม่รู้หายไปไหน แล้วตอนนั้นมันมีเครื่องเพชรที่เราจะต้องไปหมั้นกับลูกสาว ดร.อาทิตย์ แต่ก็หาไม่เจอ แต่ตอนหลังเขามาบอกว่าขอยืมไปถ่ายรูป ซึ่งตรงนี้เราไม่ถืออะไร แต่ที่ทนไม่ได้คือไปยุ่งกับหลาน ซึ่งพี่ถือศีล 5 นะ การผิดลูกเมียใครมันเป็นสิ่งไม่ดี แล้วหลานเขามีครอบครัวแล้ว อันนี้พี่ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง”

แล้วเราได้ตามหาไหมว่าเจ้าของไลน์อันนั้นเป็นใคร?

“พี่ก็ไม่ได้ตามว่าเป็นใคร แล้วทางเขาเองก็บอกว่าขอขมาที่เราทำให้ต้องแยกกัน เขาก็พยายามนัดเจอ โดยใช้ไลน์อีกอันคือบอย ธนา ตอนนั้นเราก็ไปแต่ให้มีลูกน้องไปด้วย ก็นัดเจอกันที่โรงแรม แล้วก็ผู้หญิงคนนึงเข้ามาขอขมา แล้วเขาบอกว่าตอนแรกจะยืมมือเราไปจัดการผู้หญิงอีกคนนึง เพราะอยากจะให้ฝ่ายชายเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไป แต่ไม่ได้อยากจะให้เลิกกับเรา แต่เราก็บอกไปว่าถึงอยู่ไปก็มีคนที่ 4 5 6 อยู่ด้วย ที่ผ่านมาถ้าสมมติแค่เสียเงินแล้วจบไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ต้องให้เขาไปดูแลให้ดี”

ร้องไห้ไหม?

“ไม่ร้องค่ะ ไม่เสียใจ พอรู้ว่าเขาไปแบบมีความสุขเราไม่เสียใจ แต่ครั้งแรกที่เสียใจคือทำไมเขาคิดต่ำแค่นั้น ไม่ได้เสียใจที่เขาจะจากไป เราก็ยืนยันว่าไม่โกรธเกลียดอาฆาต แต่ขอให้ดูแลผู้หญิงคนนั้นให้ดี และช่วยกันทำมาหากินเก็บเงินซะ ซึ่งพี่ไม่เกลียด เพราะก่อนที่จะเกลียด พี่จะนึกถึงความดีที่เขาเคยทำมา คนเรามีทั้งความดีความเลวด้วยกัน”

ลูกเราว่าอะไรไหม?

“ลูกก็ไม่ว่าอะไรนะ”

เห็นว่ามีโทรไปให้เขามาดูใจน้องหมา?

“ก็บอกค่ะ แต่มันไม่ทัน แต่เราก็โทรบอกเขานะว่าจะฝังแล้ว จะมาไหม เขาก็มา ทุกวันนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา แต่เขาไม่รู้ว่าเขาคิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีรึเปล่า”

เขามาง้อไหม?

“พี่เป็นผู้หญิงใจเด็ดพอสมควร เราแยกออกมาเพราะเราไม่อยากไปสร้างความลำบากใจให้อีกคน ตัดบัวก็ต้องอย่าเหลือใย แต่เรายังรักได้ แต่ก็ไม่อยากกลับไปเพราะมันเหมือนหนังม้วนเก่า ฉายกี่ครั้งมันก็เหมือนเดิม”

อยากบอกอะไรกับผู้หญิงที่เจอปัญหาแบบนี้และอาจจะคิดสั้น?

“สิ่งที่เราต้องรักมากที่สุดคือตัวเอง และนึกถึงพ่อแม่ที่ให้เราเกิดมา ถ้าเราทำลายชีวิตตัวเองมันคุ้มเหรอ ถ้าเขาดีกว่าพ่อแม่ พี่เห็นด้วย แต่ถ้าเขาไม่ได้ดีขนาดนั้น พี่ว่าเป็นอะไรที่ไม่ฉลาด”

ถามถึงเรื่องหนุ่มชื่อแก๊ป ที่ว่ากันว่าเป็นความรักครั้งใหม่?

“ก็ต้องใช้เวลาในการรู้จัก ถ้าเป็นคนที่เห็นใครปั๊บแล้วรักเลยเนี่ยคงต้องไปกระโดดน้ำตายเป็นแถว (ยิ้ม) เขาทำงานอยู่สยามพารากอน ถ้าไปถามคนที่รู้จักเขา เขาก็จะบอกว่าเขาเป็นคนดี เขาดูแลลูกค้าดีทุกคน รู้จักกันมาเป็นสิบปีแล้ว อายุอ่อนมากกว่าเดิม ห่างกัน 36 ปี ไปทริปทีไรก็นอนห้องเดียวกันตลอด แต่คนเรานอนห้องเดียวกันมันต้องมีอะไรตลอดเหรอ บางทีเราก็คิดฟุ้งซ่านกันไปเอง”

สถานะตอนนี้?

“เขาอยู่ในฐานะรู้ใจพี่ ช่วยเหลือพี่ พี่รู้ใจเขา พี่ก็ทำธุรกิจกับเขาด้วย เราก็หยิบยื่นโอกาสให้เขามีงานที่มั่นคง อายุเป็นสิ่งไม่สำคัญ ถ้าพูดคุยเข้าใจกันได้ มันก็อยู่ได้ เรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่สำคัญสำหรับพี่และเขา แต่ถ้าสำคัญสำหรับเขาเมื่อไหร่ก็ไป แก๊ปมีความรักครอบครัว ห่วงพ่อแม่ ห่วงพี่เพราะพี่ตาไม่ดีด้วย ถามว่าตอนนี้ไปไหนด้วยกันจนเป็นเงาหรือเปล่า ตอนนี้ก็ไปไหนด้วยกันบ่อยก็เป็นเงาสิถูกไหม”

กลัวไหมว่าเขาจะทำให้เสียใจ?

“ไม่ เพราะถ้าเขาเป็นคู่จริงของพี่ เขาจะไม่ทำให้เสียใจ เขาเป็นสายธรรมะ เขาก็ไปนั่งปฏิบัติธรรมด้วยกัน ลูกเองก็โอเค บางทีไปทานข้าวก็มีให้ชวนแก๊ปไปด้วย”

เหมือนเราจะลอยตัวเหนือดราม่า อยากบอกอะไรไหม?

“เราห้ามคนนินทาไม่ได้ ถ้าเราแคร์คำพูด เราควรอยู่บ้านดีกว่าไปเดินถนน เพราะคงไม่มีใครมานินทาเราต่อหน้าหรอก เขาถึงได้บอกว่าเมื่อไหร่ที่เราดีเราเด่น เมื่อนั้นเราโดนด่า ถ้าคนด่าพี่ พี่จะรู้สึกว่าพี่ดังมาก (หัวเราะ) ความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินทอง ถ้าเราเจอคนที่ดีเราจะมีความสุข เงินทองหาง่าย แต่การจะได้เพื่อนที่ดีที่เป็นกัลยาณมิตรจริงๆ มันยาก เราเองอยู่ในวัยนี้ก็อยากได้ความสงบ ตายไปแล้วไม่อยากมาเกิดอีก อยากไปถึงนิพพานค่ะ”

คาดหวังกับความรักครั้งนี้ไหม?

“ไม่ได้คาดหวัง แต่คาดหวังอยากเห็นเขามีชีวิตรุ่งโรจน์ค่ะ”

พูดความรักที่มีให้ลูก?

“ลูกเป็นทุกอย่างของพี่ พี่ตายแทนคนอื่นไม่ได้ แต่พี่จะตายแทนให้กับลูกของพี่เท่านั้น อยากบอกว่าพ่อแม่ควรจะใกล้ชิดกับลูก เป็นทั้งแม่และลูก ลูกมีสิทธิ์จะโต้แย้งกับพี่ ถ้าหากว่าลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะแย้งกลับอันนี้ผิด ขอให้เปิดใจให้กับลูก แล้วลูกจะไม่มีความลับกับเรา”

มีอะไรอยากบอกคุณอ๊อดไหม?

“ไม่มีอะไรจะบอกเพราะบอกไปหมดแล้วว่าตอนที่เขาอยู่กับเรา เรามีความสุขเต็มที่ค่ะ”

อยากบอกอะไรกับคนที่กลัวความรักไหม?

“อย่ากลัวที่จะมีความรัก คนเราเกิดมาต้องมีความรัก ไม่ว่าจะพ่อแม่ ลูก เพื่อน โดยเฉพาะคนรักที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเรา ถ้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะไม่กล้ามีความรัก แต่ถ้ามีความรักก็อยากให้อดทน และคิดว่าให้มีความรักกันแบบเป็นกิ๊ก เพราะถ้าเป็นกิ๊กจะไม่มีความอยากเถียงกัน ขอให้เก็บความรักในแบบเป็นกิ๊กให้นานที่สุด”.