Inside Dara
หลากหลายเรื่องราวในชีวิตลิขิตโดย 'อ๋อม-อรรคพันธ์'

ผ่านการแสดงมาแล้วหลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่นักแสดงรับเชิญ บทรอง บทร้าย แต่วันนี้ "อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์" ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นในความสามารถ กระทั่งสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นพระเอกอันดับต้นๆของ วิก 7 สี "บันเทิง คมชัดลึก” ทว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ชีวิตการทำงาน
พูดถึงละครเรื่อง “เจ้าสาวสลาตัน” เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ก็กำลังเร่งถ่ายทำอยู่ และยังเป็นละครเรื่องแรก ที่ผมได้ร่วมงานกับทางกันตนา แล้วก็น้องขวัญ (อุษามณี ไวทยานนท์) ก็ดีนะ บรรยากาศก็สนุกสนานดีนะ (ยิ้ม) คือทั้งตัวของทีมงานและนักแสดง โดยเฉพาะน้องขวัญ และตัวละครอื่นๆ เขาจะมีความใกล้เคียงกันในเรื่องของวัย เหมือนเป็นเพื่อนๆ กันเสียหมด ทุกอย่างมันเลยดูสบายๆ

บทบาทของอ๋อมในเรื่องนี้เป็นแบบไหน

ในเรื่องนี้ก็จะมีความเป็นคอมเมดี้ แต่ไม่มากนะ ยิ่งบทบาทของผม จะดราม่าเลยนะ ตัวละครอื่นอาจจะคอมเมดี้ แต่ของผมเป็นตัวที่ดาร์ก ไซด์มาก เพราะว่าว่าที่ภรรยาของผม ดันหนีไปมีชู้ ในความคิดเรา เราเลยดาร์กไปเลย

พูดถึงนางเอกของเรื่องหน่อย

กับขวัญ ผมเคยเจอน้องตามงานอีเว้นท์นะ สวนๆ กันมากกว่า แต่ในเรื่องของการทำงาน ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกันครั้งแรก

สิ่งที่ต้องปรับจูนกันกับนางเอกสาวคนนี้

คือแรกๆ ยังไม่ค่อยสนิทกันมาก ดูนิสัยใจคอนะ ดูการทำงาน พอถ่ายไปเรื่อยๆ มากขึ้นๆ มันก็จะเกิดความรู้สึกผูกพันกันเอง แล้วก็เริ่มที่จะรู้จักกันมาขึ้น เริ่มกล้าที่จะเล่นกันมากขึ้น กล้าแสดงกันมากขึ้น ผมมองว่ามันเป็นแบบนี้ทุกเรื่องอยู่แล้วนะ

ถามถึงกระแสคู่จิ้น ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรบ้าง

ผมดีใจนะ (ยิ้ม) ที่คนมอง อยากให้มีผลงานร่วมกัน เหมือนกับว่าพอเราสร้างสรรค์ผลงานออกมาแล้ว ก็อยากให้คนชอบและอินตาม ผมดีใจนะ กับคำว่าคู่จิ้นก็ดีนะ คือผมไม่ค่อยได้จับคู่อะไรแบบนี้

พอเห็นหน้าอ๋อมก็ต้องนึกถึงซิกแพ็ก

โอเคนะ (หัวเราะ) คือผมดีใจนะที่คนมองว่าผมเป็นคนที่รักสุขภาพ เรื่องการดูแลตัวเองของผมก็ไม่ถึงขนาดว่าบ้าคลั่งนะ คือถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกาย ผมชอบที่จะให้เหงื่อออก เพราะเวลาเหงื่อออกแล้วมันรู้สึกสบายตัว หลับสบาย หลับสนิท

พูดถึงเรื่องอตีตาหน่อย ล่าสุดฟิตติ้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ใช่แล้ว คาดว่าน่าจะเปิดกล้องเร็วๆ นี้

ในเรื่องนี้รับบทเป็นใคร

จริงๆ เรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์นิดๆ นะ ตัวพระเอกเป็นนักรบในสมัยบางระจันเลย ผมรับบทเป็นเมืองใจ ซึ่งเป็นบทที่พี่เมฆ (วินัย ไกรบุตร) เล่นไว และเรื่องนี้พี่เมฆก็เล่นด้วยนะ รับบทเป็นนายจันหนวดเขี้ยว ผมก็ได้ถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่าการรับบทเป็นเมืองใจต้องเป็นแบบไหน พี่เมฆก็บอกคำเดียวว่า เมืองใจในเวอร์ชั่นที่อ๋อมแสดงต้องทำให้เรตติ้งมากกว่าที่พี่เล่น (หัวเราะ) ผมก็บอกไปว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะ (ยิ้ม) ตอนนี้เลยกดดันเลย

ถือว่าอตีตาเป็นละครพีเรียดที่สุดที่เคยเล่นมาเลยไหม

ก็น่าจะใช่นะ เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยแสดงเรื่อง ทวิภพ ไว้ ส่วนอตีตาก็จะย้อนกลับไปอีก ในยุคบางระจันเลย เรื่องนี้ผมเป็นนักรบ ถือดาบคู่เลย เป็นบทบาทที่ผมไม่เคยแสดงมาก่อน มันก็ท้าทายและน่าตื่นเต้น

สิ่งที่หนักใจในเรื่องนี้ล่ะ

ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องของการบู๊มากกว่านะ ฟันดาบ เพราะว่าการบู๊ที่มีดาบมันค่อนข้างอันตราย ถ้าพลาดมันเจ็บหนัก เจ็บเลย ผมก็ต้องไปเรียนเพิ่มเติมเหมือนกันนะ และได้เรียนมาบ้างแล้ว

ชีวิตในวงการบันเทิง
ณ วันนี้ทำงานในวงการบันเทิงมาทั้งหมดกี่ปีแล้ว

ประมาณ 5 ปีแล้ว ถามผมว่าได้อะไรเยอะไหม บอกได้เลยว่ามาก วงการบันเทิงสอนอะไรผมหลายอย่าง ในเรื่องของความรับผิดชอบ การแสดงและต้องเรียนรู้อะไรไปเรื่อยๆ ผมว่าดีนะ ผมค่อนข้างจะเปลี่ยนตัวเองไปได้เยอะมาก เพราะว่าเมื่อก่อนผมไม่ค่อยจะจริงจังอะไรเลย พอมาทำงานการแสดง ผมเริ่มที่จะต้องทำให้มันเต็มที่ พยายามเรียนรู้และทำให้มันออกมาดีที่สุด

นอกจากนี้ยังมีอะไรอีก

หลักๆ ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ความตั้งใจในการทำงาน มันมีความมุ่งมั่น จากแต่ก่อนได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ความทะเยอทะยานมากขึ้น ท้อน้อยลง

หลายคนมักจะพูดว่าวงการบันเทิงทำให้คนเปลี่ยนไป เห็นด้วยไหม

เปลี่ยนนะ แล้วแต่คนบางคนอาจจะเปลี่ยนมากเปลี่ยนน้อย แต่ที่แน่ๆ มันเปลี่ยนชีวิต มีอะไรต่อมีอะไรเข้ามาเยอะ มีสิ่งที่แปลกหูแปลกตาเยอะ

ขึ้นแท่นพระเอกแถวหน้าของช่อง 7

จริงๆ ผมไม่อยากให้มองแบบนั้นนะ อยากให้มองว่าผมทำงานอย่างเต็มที่ และมีงานทำอย่างต่อเนื่อง ผมแฮปปี้แล้ว ผมไม่ต้องการเป็นพระเอกแถวหน้าหรือเป็นเบอร์หนึ่ง แต่อยากมีงานทำอย่างต่อเนื่องมากกว่า

ระหว่างคำว่า “พระเอก” กับ คำว่า “นักแสดง” อยากให้คนเรียกว่าแบบไหน

ผมอยากให้คนเรียกผมว่านักแสดงมากกว่านะ จริงๆ ผมไม่ได้ซีเรียสนะว่าต้องเป็นพระเอก ผมเล่นบทไหนก็ได้

หมายความว่าวันที่เริ่มทำงานในวงการไม่เคยคิดว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้

ใช่เลย (ยิ้ม) ไม่เคยคิดว่าจะเป็นพระเอกเลย ผมมองว่าแค่มีบทๆ หนึ่งที่ผมเหมาะสมที่จะแสดงได้ ผมยินดีเลย ผมชอบในการแสดง ชอบในละคร ชอบที่จะทำงานตรงนี้ อย่างตอนแรกที่ผมเข้ามาวงการ ผมเล่นบทร้าย ต่อมาเป็นบทรอง ผมเล่นมาเกือบจะทุกบทแล้ว ผมว่ามันก็ดีนะ เพราะเราสามาทำงานได้หลากหลาย

ถูกยกให้เป็นพระเอก มีผลต่อการวางตัวอย่างไรบ้าง

สำหรับผม ผมยังวางตัวเหมือนเดิมนะ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่จะบอกว่ามีคนสนใจเรามากขึ้น ตามองมากขึ้น มีคนให้ความสำคัญเรามากขึ้น และผมก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เคยรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองบ้างไหม

มีบ้างนะ แต่ที่ยอมรับจริงๆ ก็คือการสูญเสียความเป็นส่วนตัวนะ ถ้าความเป็นตัวเอง ผมไม่ปล่อยให้มันหายไปมากนัก สูญเสียความเป็นส่วนตัว ใช่นะ คืออาจจะไม่ได้ไปในที่ๆ คนเยอะๆ แต่ถ้าไปไหนแล้วมีคนเข้ามาทัก ผมยินดีมากเลย

การทำใจยอมรับการสูญเสียความเป็นส่วนตัว

ตอนแรกๆ มันก็ยากหน่อยนะ ผมว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอมันเคยชินเข้าทุกวัน มันก็โอเคนะ อย่างทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหน เจอคนทัก เหมือนกับว่าเรารู้จักกันทุกคนเลย คือทุกคนก็จะเรียก อ๋อม ผมก็จะบอกกลับไปว่า สวัสดีครับ (ยิ้ม) ผมต้องปรับตัวให้มากขึ้น กับสถานการณ์ตอนนี้ที่เราเป็นอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี คนชื่นชอบในผลงานและชื่นชอบในตัวเรา ผมดีใจนะ ดีกว่าว่าพอเดินผ่าน แล้วมองผมเฉยๆ นะ

ชีวิตกับการไร้สังกัด
เป็นอย่างไรบ้าง กับการเป็นนักแสดงอิสระ

ต้องบอกว่ามันก็เหนื่อยมากขึ้นแน่ เพราะว่าตอนที่อยู่สังกัดโพลีพลัสมีคนดูแลเหมือนมีบ้านที่คอยดูแลให้ความอบอุ่น แต่พอวันหนึ่งที่ถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็ต้องดูแลตัวเอง ซึ่งมันก็เหนื่อยขึ้นและยาก

เมื่อไม่มีสังกัดความต่อเนื่องของผลงานอาจน้อยลง

ก็มีคิดนะ แต่ก็ต้องลองดู อีกอย่างในเมื่อเราตัดสินใจมาแล้ว ซึ่งถ้าอยู่ที่โน่นมีงานต่อเนื่องแน่นอน

ความเป็นไปได้กับการร่วมงานกับทางผู้จัดในช่องอื่น

ทุกวันนี้ ก็ยังมีคนมาพูดคุยมาถามไถ่เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของละครหรืออีเว้นท์ก็ตาม (ถ้าเห็นไปโผล่ช่องอื่นไม่ใช่เรื่องแปลก )เป็นไปได้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าตอนนี้ผมมีงานละครต่อเนื่องกับทางช่อง 7 อยู่ ถึง 2 เรื่องนั่นคือคิว 7 วันแล้ว ผมจึงไม่สามารถไปทำให้ที่อื่นได้

แล้วกับงานการแสดงบนพื้นผ้าใบ

ยังมีติดต่อมานะ (เข็ดไหมกับเรื่องที่ผ่านมา) ไม่นะ ผมมองว่ามันเป็นประสบการณ์ใหม่ในการทำงาน แต่ว่าตอนนี้คิวผมไม่ได้เลย ก็คงต้องพักไว้ก่อน รอจังหวะอีกที ค่อยว่ากัน

ชีวิตกับการวางแผนขั้นต่อไป
ตั้งไว้ไหมว่าจะทำงานในวงการไปอีกกี่ปี

ผมมองว่าอยากไปทำเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีใครจ้างนะ ให้ผมเล่นบทพ่อ ผมก็ยินดี ผมมีความสุขกับการมากองละคร ผมไม่เบื่อ ผมอยากมากอง อยากมาทำงานการแสดง

เคยคิดถึงงานเบื้องหลังบ้างไหม

มีโอกาสผมก็อยากทำ ถึงในอนาคตถ้าไม่มีใครจ้าง ก็คิดว่าตัวเองก็คงจะอยู่สายนี้นะ

ชีวิตกับข่าวลือมากมาย
โดนเม้าท์สนั่นว่าเป็นคนพิเศษของ “อ้อย” ชโรบล เรียงสุวรรณ

จริงๆ เรื่องนี้ สำหรับพี่อ้อย ผมอยากจะบอกว่าผมเกรงใจท่านมาก เพราะว่าพี่อ้อยเป็นผู้ใหญ่ แล้วผมอยากจะบอกว่าผมสนิทกับพี่อ้อยมานานมาแล้ว ผมก็ไปสังสรรค์กับพี่อ้อยมาสมควรแล้ว แต่ว่าหลังๆ มามีกระแสข่าวออกมาแบบนี้ ผมมองว่ามันไม่ดีเลย

ชีวิตเจอแต่ข่าวเม้าท์

มันก็ไม่แปลกนะ สำหรับการเป็นนักแสดงผู้ชายนะ หนึ่งเลยที่ต้องโดน เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ ถ้าไม่เป็นทั้งสองอย่างก็เจ้าชู้ หรือไม่ก็เมา มีแค่นี้จริงๆ มันเป็นวัฏจักร

เรื่องหัวใจ
ณ วันนี้มีสาวคนไหนจับจองหัวใจหรือยัง

ยังไม่มีใครเป็นพิเศษ ผมอยากโฟกัสไปที่งานมากๆ ผมมองที่งานมาก่อน ผมมองถึงครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ของผมต้องมาก่อน ผมหาเงินทุกบาททุกสตางค์ ผมให้คุณพ่อคุณแม่ก่อนเลย แต่ผมก็ไม่ได้ปิดกั้นนะ ทำงานไป ปล่อยไปตามธรรมชาติ

ความเป็น “อ๋อม” อรรคพันธ์ มีผู้หญิงเดินเข้ามาในชีวิตเยอะไหม

ถามว่ามีไหม มันก็มีบ้างนะ แต่จะมาในทำนอง อยากรู้จักเรามากกว่า อีกอย่างผมเองก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ถ้าไปก็ไปกับเพื่อนๆ นะ ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเป็นคนเลือก เป็นคนที่เข้าไปจีบ ชอบไปเลือกเอง ว่าต้องแบบไหนๆ


นี่แหล่ะ..."อ๋อม" อรรคพันธ์
ชื่อ : อรรคพันธ์ นะมาตร์
ชื่อเล่น : อ๋อม
เกิด : 28 มกราคม พ.ศ. 2528
การศึกษา : ระดับปริญญาตรีที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เอกโฆษณา)
ผลงานละคร : มนต์รักข้าวต้มมัด สะใภ้ไกลปืนเที่ยง รักออกอากาศ บันไดดอกรัก ทวิภพ วันนี้ที่รอคอย
ผลงานปัจจุบัน : เจ้าสาวสลาตัน อตีตา
ผลงานภาพยนตร์ : Coffee Please