Inside Dara
‘พลอยชมพู’ น้ำตาคลอ ยอมรับเหนื่อยมาก หลายครั้งโอกาสอยู่แค่เอื้อมแต่คว้าไว้ไม่ได้

ท้อแต่ถอยไม่ได้ “พลอยชมพู”น้ำตาคลอ เผยเหตุผลสู้ต่อ ขอยื่นอุทธรณ์หลังศาลชั้นต้นตัดสินแพ้คดี ปมฟ้องค่ายต้นสังกัดที่มาเลเซีย ยอมรับ 4 ปีที่ผ่านมาสู้คนเดียวเหนื่อยมาก อยากได้อิสรภาพกลับมา หลายครั้งโอกาสอยู่แค่ปลายนิ้วแต่คว้ามาไม่ได้เพราะเรื่องนี้

นับเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญในชีวิตของศิลปินสาวมากความสามารถ “พลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล” ที่ใช้เวลานานกว่า 4 ปีในการยื่นฟ้องอดีตต้นสังกัดค่ายเพลงที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อทวงคืนสิทธิ์ในการทำงานและอิสรภาพในฐานะศิลปิน

โดยล่าสุด พลอยชมพู พร้อมด้วยนางสาวรัชดาวรรณ กีฬา

นายธีรพัฒน์ อุไพพานิช ทนายความที่ปรึกษาฝั่งไทย ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่ออัปเดตความคืบหน้าของคดีหลังศาลชั้นต้นสินตัดสินแพ้คดีแต่เธอก็เลือกที่จะยื่นอุทธรณ์ พลอยชมพู ได้เผยถึงเหตุผลที่ยังสู้ต่อว่า “ที่หนูมาแถลงข่าววันนี้เพื่ออัพเดทข้อเท็จจริงให้ตรงกัน เพื่อยืนยันกับทุกคน หนูยังทำงานต่อไปได้และยังรับงานได้ค่ะ หนูยังรักในการร้องเพลง (เสียงสั่น) การแสดง และหนูยังอยากทำผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะว่าสำหรับหนูการอยู่ในวงการมันไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็นสิ่งที่หนูทำมาตลอดชีวิตและมันยังเป็นสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกว่าชีวิตยังมีความหมายอยู่ค่ะ”(น้ำตาคลอ)

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาการเผชิญเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันหนักมากในแง่ของจิตใจ แต่ก็ยังพยายามยืนหยัดและต่อสู้ตามกฎหมายเพื่อให้ได้อิสรภาพในฐานะศิลปินกลับมาอย่างถูกต้องและความเป็นธรรมวันนี้หนูไม่ได้อยากได้ความสงสาร แต่อยากได้กำลังใจจากทุกคน หนูยังอยากทำงานให้กับทุกคนต่อไปเรื่อยๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้นะคะ(น้ำตาคลอ) หนูสัญญาว่าจะทำทุกอย่างอย่างตั้งใจและซื่อสัตย์เหมือนเดิมค่ะ”

“ จริงๆที่หนูต้องสู้เพราะมันมีอีกหลายอย่างที่หนูฝัน และโอกาสหลายๆอย่างที่หนูคว้ามันไว้ไม่ได้ เพราะสิ่งนี้ สภาพจิตใจของหนูจริงๆช่วงหลังจากหนูยื่นขอคำคุ้มครองจากศาล สภาพจิตใจดีขึ้น เพราะเราได้ปล่อยผลงาน แต่พอออกมามันก็ช็อกจริงๆค่ะหนูอยากทำงานแบบอิสระแบบนี้ต่อไป คือมุมมองเรื่องงานที่ไม่ตรงกัน อาจจะทำงานลำบากค่ะแต่ตอนนี้สามารถปล่อยเพลงก็สามารถทำได้ปกติค่ะหนูคิดว่าต้องสู้ต่อไป

จริงๆแล้วใจหนูมีหลายช่วงที่อยากจะยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าเรายอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นแต่เพราะมันรู้สึกเหนื่อย หนูต้องทำงานคนเดียว ไม่มีค่าย เวลาเราสร้างสรรค์ผลงานทุกอย่างมันมาจากน้ำพักน้ำแรงของหนู ทั้งการลงแรงหาเงินทุน เรื่องของการครีเอทีฟทุกอย่างเกิดจากมันสมองของหนู บางทีประสานงานหนูก็ต้องเป็นคนทำเอง ทำให้หนูรู้สึกว่าบางทีหนูก็รู้สึกท้อเหมือนกันที่เราต้องทำอะไรมากมายเพื่อที่จะหาเงินมาสู้กับคดีความ หนูรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะเราทำอยู่คนเดียว หนูก็ต้องไปต่อเพราะ ถ้าหนูไม่ไปต่อหนูก็ร้องเพลงทำเพลงลำบากมันยังเป็นสิ่งที่หนูยังอยากทำอยู่หนูทำมาตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ”

“หนูก็อยากได้อิสรภาพจริงๆ แล้วหนูอยากสร้างผลงานที่ทำมาจากใจของเรา หนูไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นนักร้องเพราะอยากหาเงินได้หลายๆล้าน สิ่งนั้นเป็นแค่ผลพลอยได้ถ้าเราทำออกมาแล้วประสบความสำเร็จมันก็โชคดี แต่เนื้อแท้ของหนูหนูอยากมีอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานและสิ่งที่มันเป็นตัวหนูและมาจากใจหนูจริงๆ เพราะสิ่งที่หนูทำและมีความสุขที่สุดก็คือเวลาได้ไปร้องเพลงได้เห็นแฟนๆมีความสุขด้วยกันค่ะ”...