Inside Dara
"แพทริเซีย" ไม่คิดแข่งใคร ตั้งใจทำทุกโอกาสให้ดีที่สุด

ได้รับอีกบทที่ท้าทายความสามารถ สำหรับนางเอกสาว แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด ที่ตอนนี้กำลังโชว์ฝีมือการแสดงใน “บ่วงอธิฏฐาน” กับบทสาว 2 ยุค 2 ชาติ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยอาสาแฟน ๆ มาทำความรู้จักกับสาวคนนี้ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องมุมมองการใช้ชีวิตในวงการ และเรื่องหัวใจที่ตอนนี้เธอยังออกปากว่าโสด แต่ไม่ขอขึ้นคานแน่นอน

ถามถึงบทบาท “โยสิตา” และ “เกศอาภา” ใน บ่วงอธิฏฐาน สองคาแรกเตอร์นี้เหมือนหรือต่างกันแค่ไหน?

“คาแรกเตอร์สองตัวละครนี้คล้ายกันนะคะ เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีเหตุผล เชื่อมั่นในตัวเอง รักครอบครัว เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ทั้ง 2 ตัวละครแต่มีความแตกต่างแค่เรื่องยุคสมัยมากกว่า สำหรับเรื่องนี้พาร์ทในอดีตยากมาก เพราะเป็นภาษาโบราณหมด เป็นภาษาที่คนปัจจุบันไม่ค่อยใช้กัน และเป็นคำในวังด้วย ซึ่งในอดีตจะดราม่าหนัก เราเล่นตั้งแต่ยังไม่แต่งงานกระทั่งมีลูก และความรักก็เป็นสิ่งที่ดำเนินเรื่องนี้ เราเลยจะร้องไห้เยอะมาก เพราะในอดีตจะเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา โดนรังแกสารพัด” เตรียมตัวในการรับบทครั้งนี้ยังไง?

“เราไปเรียนแอ๊คติ้งเพิ่ม ณ ตอนนั้นเลยได้ฝึกภาษาโบราณไปด้วยค่ะ และอ่านบทเยอะมาก ก่อนถ่ายทำอ่านบทก่อนเป็นอาทิตย์เลย ซึ่งไม่เคยอ่านบทมาก่อนนานขนาดนี้ เพราะเรื่องมันเข้าใจยาก ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจก็จะแสดงออกมาได้ไม่สมจริง เลยพยายามทำความเข้าใจให้เยอะที่สุด ส่วนสิ่งที่ยากในเรื่องนี้นอกจากภาษาโบราณคือมันมีฉากที่เราต้องจินตนาการเยอะ เพราะส่วนใหญ่เป็นซีจี ต้องสมมุติว่าเห็นนู่นนี่ ทั้งที่มันไม่มี เหมือนเล่นกับตัวเอง เล่นกับจินตนาการ เป็นคนบ้าที่เล่นคนเดียว (ยิ้ม) ส่วนความคาดหวังกับการแสดงครั้งนี้ คือหนูเล่นได้เต็มที่แล้ว และหนูก็หวังให้คนดูเห็นว่าเราพัฒนาขึ้น เล่นดราม่าได้ดี เล่นไหลลื่นค่ะ”

ต่อจากนี้มีผลงานอะไรอีกบ้าง?

“จากนี้มีเรื่อง “สายลับจับแอ๊บ” ก็เป็นอีกบทที่เราจะพลิกคาแรกเตอร์อีก หนูไม่เคยเล่นแบบนี้ ละครจะออกมาค่อนข้างเหมือนซีรีส์เกาหลี น่ารักมาก เป็นละครเบาสมอง ในเรื่องเราเล่นเป็น “พรนางฟ้า” คู่กับพี่ บอย-ปกรณ์ มันเป็นเรื่องราวของ 3 สาวเพื่อนซี้ที่มีปมเรื่องเกย์ทุกคน โดนเกย์ทิ้ง โดนหลอก โดนหักหลัง เลยตั้งบริษัทขึ้นมาจับแอ๊บ หนูว่าเรื่องนี้คนดูแล้วต้องยิ้มตามนะ เราถ่ายไปครึ่งเรื่องแล้วน่าจะได้ดูต้นปีหน้า และมีอีกเรื่องคือ “เด็ดปีกนางฟ้า” ก็คอมเมดี้อีก ในเรื่องหนูรับบทเป็น “คะนึงนาง” ที่เมื่อก่อนเป็นไฮโซแต่มาถังแตก เลยต้องมาสมัครเป็นแอร์โฮสเตส เพื่อหารายได้ให้ครอบครัว เรื่องนี้เราจะมีความร้าย

นิด ๆ เป็นผู้หญิงค่อนข้างแซ่บ มีการท้าทายและแย่งกัปตันกับเพื่อนแอร์โฮสเตส ที่เคยแย่งผู้ชายกันตอนสมัยเรียนค่ะ เราได้กลับมาร่วมงานกับพี่ สน ยุกต์ อีกครั้งด้วย ก็ดีค่ะ เพิ่งได้ฟิตติ้งกันไป ยังไม่ได้เปิดกล้อง”

แพทเลือกรับงานละครกับแบ่งเวลาเรียนยังไง?

“จริง ๆ งานหนูไม่ได้ต่อเนื่องขนาดนั้น ของหนูเป็นแบบทีละนิดค่อย ๆ มาปีละเรื่องสองเรื่อง คือเราพยายามจะแบ่งเวลาให้ดี ดูตารางเรียนและตารางงานแสดงให้มันเท่ากัน ซึ่งการเรียนตอนนี้หนูอยู่ปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ภาคอินเตอร์ และเราเพิ่งเปิดเทอม ปีนี้ค่อนข้างหนัก อาจยากกว่าทุกปี แต่ต้องทำให้ได้ เพราะมันใกล้จบแล้ว ตั้งใจจะจบพร้อมเพื่อนค่ะ” ทั้งเรียนและทำงานไปด้วยดูค่อนข้างหนัก เราได้อะไรจากการที่เราทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกันแบบนี้บ้าง?

“การที่เราเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยแบบนี้มันทำให้เราได้ประสบการณ์ที่คนอื่นไม่ได้ หนูมองว่าเป็นความโชคดีของเรานะ ที่เราได้เข้ามาทำงานตรงนี้ตั้งแต่อายุแค่นี้ เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย โดยเฉพาะประสบการณ์ที่เรารู้สึกว่ามันดีมาก คือเราชอบการแสดง แต่เราก็อยากทำให้ดีทั้ง 2 อย่าง เพราะมันเป็นทั้งความภูมิใจของพ่อแม่และเราเอง หนูไม่คิดทิ้งการเรียนและกะว่าจะเรียนต่อ แพลนว่าอยากไปเรียนต่อที่อังกฤษ ด้านฟิล์มหรือไม่ก็สาขาการสื่อสารมีเดีย หรืออะไรเกี่ยวกับวงการ ก็คิด ๆ อยู่ค่ะ คือมันแค่เป็นความใฝ่ฝันอย่างนึง เรายังไม่รู้จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากว่าเราต้องไปเมืองนอกและต้องเบรกงานในวงการบันเทิงเราคงเสียดายแน่นอน เพราะมันเป็นงานที่เรารักและเราก็กำลังสนุกมาก ๆ แต่บางทีชีวิตเราก็ต้องเลือก ต้องเจออะไรแบบนี้ ไม่อย่างนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้าค่ะ”

อยู่ในวงการมา 5 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองต่างจากตอนแรกที่เข้ามาในวงการใหม่ ๆ แค่ไหน?

“หนูเข้ามาวงการตอนอายุ 14 ปี ตอนนี้ 5 ปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก ซึ่งหนูโตขึ้นเยอะมาก ทั้งความคิด หน้าตา ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลย (ยิ้ม) เราเห็นพัฒนาการตัวเองนะ และหนูเชื่อว่าทุกคนก็เห็นว่าหนูเปลี่ยนไปเยอะ อีกอย่างนึงเลยคือประสบการณ์ เราเข้ากับคนได้ง่ายขึ้น มีความรับผิดชอบและมีวินัยมากขึ้น เมื่อก่อนเราจะมีกำแพงนิดนึงเพราะยังเด็ก ก็อยากใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ พอตอนนี้เราได้มาอยู่จุดนี้ ซึ่งเราแฮปปี้กับทุกอย่างที่เข้ามา ส่วนสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากวงการเลยคือวงการนี้อยู่ยาก มีคนหลายประเภท ต้องดูคนดี ๆ เพราะมันคือการแข่งขัน ทุกคนอยากให้ตัวเองได้ดี ดังนั้นจึงอาจมีคนเอาเปรียบเราได้ ก็ต้องระวัง คือเราต้องอยู่ให้เป็น อยู่ให้คนรัก ไม่ให้ไปมีปัญหากับใคร ทำงานและเข้าให้ได้กับทุกคนค่ะ”

ซีเรียสกับคำว่านางเอกมั้ย?

“หนูไม่ซีเรียสกับคำว่านางเอก หนูมองว่ามันเป็นแค่คำที่คนใช้ในการอธิบายตัวละครเท่านั้น แต่หนูไม่ได้มองว่ามันจะดีไปกว่าบทอื่น ๆ นะ เพราะทุกตัวละครก็สำคัญเท่ากัน มันจะไม่มีเรื่องราวถ้าไม่มีองค์ประกอบทุกตัว หนูเลยโอเคมากที่จะรับทุก ๆ บทบาท ขอแค่เป็นบทที่เราได้โชว์ฝีมือ ได้ท้าทายความสามารถของเราค่ะ”

มีนักแสดงรุ่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาในวงการ เรากังวลว่าจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่หรือตำแหน่งที่เรายืนบ้างรึเปล่า?

“ในวงการนี้เป็นพื้นที่ของทุกคนค่ะ หนูเชื่อว่ามันอยู่ที่คุณอยู่ได้รึเปล่า เพราะทุกคนมีโอกาส และคนที่ทำได้ก็ได้โอกาสนั้น เอาจริง ๆ หนูเคยมีโมเมนต์ที่บอกไม่ถูกกับเรื่องแบบนี้ แต่หนูไม่ได้รู้สึกกังวลเรื่องน้องใหม่ เพราะเชื่อว่าบนโลกใบนี้คนอื่นเขาก็มีความสามารถและชอบการแสดง ไม่ใช่มีแค่เรา ดังนั้นทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน แต่อยู่ที่ว่าใครจะทำได้ดี ดังนั้นเราเลยต้องทำของเราให้ดีที่สุด ซึ่งหนูก็ไม่เคยคิดแข่งกับใคร เราแข่งกับตัวเองดีกว่าค่ะ”

เวลาที่เราต้องร่วมงานกับพระเอกที่มีคู่จิ้น เรามีวิธีแสดงยังไง เพราะเดี๋ยวนี้มีแฟนคลับบางส่วนค่อนข้างอินและติดภาพกับการเป็นพระนางคู่จิ้นมาก?

“คือหนูต้องพยายามเข้าถึงตัวละครให้ได้เลยจริง ๆ ค่ะ มองผ่านคำว่าคู่จิ้นไปและโฟกัสที่ตัวละคร เราพยายามเล่นให้มันดีที่สุดของเรา และผลงานที่ออกมาหนูเชื่อว่ามันน่าจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเราตรงนั้นได้ ซึ่งเวลาที่ร่วมงานกับนักแสดงที่เขามีคู่จิ้นของเขา เราก็กระทบเต็ม ๆ (ยิ้ม) โดนว่า โดนแอนตี้ แต่เราก็เข้าใจว่าคนก็ชอบของเขา แต่พอเขามาเปลี่ยนคู่คนอาจไม่ชอบ แต่ที่สุดแล้วมันคือการแสดง เป็นการทำงาน ต้องมีเปลี่ยนบทบาทกันบ้าง หน้าที่ของเราก็แค่แสดงบทบาทของเราให้ดี ให้ดูน่าเชื่อถือ ก็เท่านั้นเองค่ะ”

ตอนที่แพทมีข่าวไม่ดีหรือไม่ตรงความจริง มีวิธีรับมือยังไง?

“หนูพยายามไม่อ่านอย่างเดียวเลย เพราะหลังจากที่เรารับรู้มาแล้ว แม้ว่าพยายามลืมมันก็ยังฝังใจอยู่ที่จิตใต้สำนึก ดังนั้นเราเลือกไม่รับรู้ค่ะ ใครพูดก็บล็อกมันออกจากหัวเลย อย่าไปคิดมาก เพราะมันจะทำให้เราเครียด พอเราเครียดทุกอย่างจะไม่ดี เราก็จะนอยด์ และทำทุกอย่างได้ไม่เต็มที่ ซึ่งทุกวันนี้หนูก็ปรับตัวได้มากขึ้นแล้ว ไม่ได้เอามาใส่ใจเท่าไหร่ ถือว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดค่ะ การที่เรามีชื่อเสียง จะทำอะไรพอมีคนรู้จักก็จะถูกเพ่งเล็ง เลยต้องระวังตัวให้มาก แต่เอาจริง ๆ หนูก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมนะ เป็นเด็กธรรมดา แต่แค่เราเลือกทำในสิ่งที่ไม่ผิด เพราะมีน้อง ๆ ที่ชอบเรา เอาเราเป็นแบบอย่างอยู่ ต้องนึกถึงเขาด้วย ถ้าวันนึงทำอะไรไม่ดี เขาคงเสียใจที่เคยเห็นเราเป็นแบบอย่างค่ะ”

ณ วันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จรึยัง?

“หนูไม่รู้ว่าอะไรที่จะเรียกว่าเป็นความสำเร็จสำหรับหนู อาจเพราะหนูไม่ได้มีเป้าหมายกว้าง ๆ แค่คิดว่าเราทำทุกวันให้ดี เรารับอะไรมาก็ทำให้เต็มที่แล้วมาดูผลงานนั้น ๆ ดังนั้นประสบความสำเร็จรึเปล่าหนูไม่รู้ แต่หนูพอใจในจุดที่ตัวเองอยู่ แฮปปี้มาก ๆ กับงานที่ได้ทำ ส่วนเรื่องความพอใจฝีมือการแสดงตัวเอง คือเรารู้ว่าพัฒนานะแต่ไม่ได้พอใจแบบร้อยล้านเปอร์เซ็นต์ ยังมีบางฉากที่เราเล่นเองและรู้สึกว่ามันยังไม่เป็นธรรมชาติ ดูเฟค ๆ ดังนั้นต้องพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”

ถามกี่ทีก็บอกว่าโสด แล้วตอนนี้สถานะหัวใจเป็นยังไง?

“ตอนนี้โสดกว่าเดิมเลยค่ะ (หัวเราะ) เหงานะคะแต่เราไม่มีคนเข้ามาคุย คือมีคนเข้ามาในช่วงเราเข้ามหาวิทยาลัยแรก ๆ นะ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย หนูไม่เคยปิดตัวเองแต่คนอาจมองว่าเราเข้าถึงยากรึเปล่า เอาจริง ๆ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่มีใครจีบ คิดว่ามันอาจยังไม่ถึงเวลามั้งคะ”

เราเป็นคนดัง มีวิธีสแกนคนที่จะเข้ามายังไง?

“นี่อาจเป็นเหตุผลที่หนูไม่มีแฟนก็ได้นะ หนูกลัวไปหมดเลย ใครเข้ามาหนูจะไม่เต็มที่ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เจตนาเขาคืออะไร ดังนั้นเลยต้องระวังตัว ซึ่งเรื่องความรักคุณแม่หนูก็มีช่วยสกรีน ถ้าหนูคุยกับใครแล้วเราชอบจริง ๆ เราก็บอกแม่ คุณแม่ท่านก็โอเคกับเรื่องความรักแต่ก็จะคอยบอกให้เราระวังค่ะ”

บางคนมีความคิดว่าเป็นนักแสดงจะไม่อยากโฟกัสที่ความรัก เรามีมุมมองต่อเรื่องนี้ยังไง?

“หนูว่าการเป็นนักแสดงและการมีคนรักมันไปควบคู่กันได้ค่ะ ไม่ได้ผิดเลยที่คนจะมีแฟนและทำงานไปด้วย ก็ให้กำลังใจกันก็ดีนะ แต่ของหนูยังรออยู่ ก็รอต่อไป (หัวเราะ) คือหนูเป็นคนที่ไม่มีสเปก เรารู้สึกว่าถ้าเจอแล้วคุยถูกคอ ปิ๊งปั๊งก็โอเคแล้ว แต่หนูก็ชอบคนที่มีนิสัยเป็นผู้ใหญ่หน่อย เทคแคร์เราได้ ซึ่งจริง ๆ หนูไม่มีความมั่นใจในเรื่องความรักเลย จะใช้หัวใจมากกว่า หนูว่านี่เป็นข้อเสียของเรา ถ้าเรารักใครเราจะไม่เห็นด้านไม่ดีของเขาเลย โอเคนั่นคือหลงล่ะ (ยิ้ม) ดังนั้นการใช้หัวใจเรื่องความรักมากไปก็ไม่ดีค่ะ เราขอโตกว่านี้อีกหน่อยละกัน แต่หนูมีคิดไว้นะคะว่าเรียนจบอายุ 22-23 ก็ควรมีได้แล้ว”

แอบกลัวขึ้นคานมั้ย?

“โน หนูจะไม่ขึ้นคานนะคะ ไม่เอา (หัวเราะ) หนูเคยไปล้อคุณน้า ๆ ว่านี่ขึ้นคานกันหมดเลย และเราก็มาดูตัวเราก็คิดว่าตายแล้ว! ไม่เอานะ คือหนูรู้สึกว่าการมีความรัก มีคนรู้ใจมันเป็นสิ่งที่ดี สามารถสร้างสีสันให้ชีวิตได้ แต่หนูไม่เชื่อพรหมลิขิต อาจเพราะยังไม่เคยเจอด้วยเลยไม่เชื่อ ส่วนคนรู้ใจจริง ๆ ถ้าเลือกได้หนูขอเลือกคนนอกวงการ มันเป็นความรู้สึกส่วนตัว ที่โอเคเขาอาจไม่เข้าใจในงานที่เราทำ และยิ่งเป็นคนที่ไม่รู้จักเราเลยยิ่งดี เพราะเขาจะได้ไม่มองเราเป็นแพทริเซีย กู๊ด ที่เป็นนักแสดงหรือนางเอก แต่เขาจะมองเราที่ตัวเรา ซึ่งคงต้องไปเมืองนอกแล้วล่ะ ถ้าอยากเจอคนแบบนั้น (ยิ้ม)”

ท้ายสุดอยากบอกอะไรคนที่คอยให้กำลังใจเรามาตลอดบ้าง?

“ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนแบบไม่รู้จะขอบคุณยังไง ทุกคอมเมนต์ที่อ่าน ทุกกำลังใจที่ได้มันสำคัญกับหนูมากจริง ๆ หนูอ่านแล้วแฮปปี้มาก เป็นกำลังใจในการทำงานและใช้ชีวิตของหนูต่อไป ก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าเราก็รักคุณนะ แม้เราอาจไม่รู้จัก แต่เราก็รักในกำลังใจที่เราได้มาและเราก็อยากตอบแทนด้วยกำลังใจเช่นกัน และก็อยากฝากละครทั้ง 3 เรื่อง 3 แบบ ความแซ่บตัวละครที่หนูเล่นก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และจะได้เห็นเราในหลายลุค หวังว่าแฟน ๆ จะเห็นพัฒนาการการแสดงของหนูด้วยนะคะ”

ได้สัมผัสตัวตนสาวแพทริเซีย บอกได้เลยว่าน่ารักสดใส แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อย ขอเป็นอีกแรงใจให้เธอสมหวังทั้งเรื่องเรียน งาน และหัวใจ นะจ๊ะ.